คำตักเตือนจากปราชญ์สุนนะฮ์ เกี่ยวกับการเดินขบวนประท้วง

Venezuela-Protests_Dunf-as-Smart-Object-1

คำตักเตือนจากปราชญ์สุนนะฮ์ เกี่ยวกับการเดินขบวนประท้วง

คำตักเตือนเเก่บรรดาเยาวชนที่ชื่นชอบการประท้วงชุมนุม ปฏิวัติล้มผู้นำ จากเชคร่อบิอฺ บินฮาดี อัลมัดคอลีย์

คำถาม : การออกไปประท้วง การออกไปสนับสนุนการปฏิวัติ และการปลูกฝังอุดมการณ์ดังกล่าวให้กับเยาวชน เป็นส่วนหนึ่งของแนวทางอะฮ์ลิซสุนนะฮ์หรือไม่ ? ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศอิสลาม หรือประเทศอื่น อะไรคือคำตักเตือนของท่าน สำหรับผู้ที่ทำการดะอฺวะฮ์ด้วยกับสิ่งเหล่านี้ ?

คำตอบ : นี่คือแนวทางของพวกมาร์กซิส และเลนิน (ผู้นำการปฏิวัติคนแรกของสหภาพโซเวียต) และแนวทางอื่นๆที่คล้ายคลึงกับสิ่งดังกล่าว นี่ไม่ใช่แนวทางของอิสลาม !!! ทั้งการปฏิวัติ การหลั่งเลือด การก่อฟิตนะฮ์และปัญหาต่างๆ มันคือ มัสฮับของพวกมาร์กซิส และเลนิน ที่ถูกรวมไว้เข้ากับมัสฮับของพวกค่อวาริจ และคนพวกนั้นก็กล่าวว่า ” นี่แหละคืออิสลาม ” แล้วพวกเขาก็ได้สร้างสิ่งต่างๆขึ้นโดยเอาอิสลามไปครอบ เช่น เพลงแบบอิสลาม พรรคแบบอิสลาม ประชาธิปไตยแบบอิสลาม หรือแม้กระทั่งการร้องเล่นเต้นรำแบบอิสลาม ทั้งหมดนั้นมันคือความหลงผิด พวกเขาเอาสิ่งเหล่านี้มาจากทั้งตะวันตก และตะวันออก และพวกเขาก็เอาคำว่าอิสลามคลุมมันไป …ขออัลลอฮ์ทรงทำให้อิสลามห่างไกลจากแนวทางเช่นนี้… จงละทิ้งแนวทางเหล่านี้ แล้วหันหน้ากลับสู่สัจธรรมเถิด!!! สำหรับในเรื่องของการญิฮาดนั้น มันมีเงื่อนไขและบริบทของมัน ( ไม่ใช่นึกอยากทำก็ทำ ) ส่วนแนวทางของพวกมาร์กซิสนั้น พวกเขาก็แค่เอาเสื้อคลุมแห่งอิสลามนั้นครอบมัน แล้วพวกเขาก็ยึดเอาการปฏิวัติ และสิ่งต่างๆที่คลายคลึงกันนี้ให้เป็นอิสลาม ทั้งๆที่อันนี้จริงมันเป็นอุดมการของเลนินและมาร์กซิส หนำซ้ำพวกเขาก็ได้ยึดเอาระบบประชาธิปไตยมาจากอเมริกา แล้วพวกเขาก็ป่าวประกาศให้โลกรู้ว่า ” พวกเรานี่แหละที่กำลังทำการสู้รบกับอเมริกา ” ทั้งๆที่ตัวของพวกเขาเองนั้นแหละคือตัวตั้งตัวตีในการโปรโมทอุดมการความคิดของพวกอเมริกา ไม่ว่าจะเป็นการแบ่งแยกคนออกเป็นพรรคนั้นพรรคนี้ , การพลัดและเปลี่ยนผู้ปกครอง(ด้วยระบบประชาธิปไตย) , การเลือกตั้ง , การประท้วง ทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่เป็นแนวความคิดของพวกอเมริกาแทบทั้งสิ้น พวกเขานี่แหละคือส่วนหนึ่งของพวกรับใช้อเมริกา และพวกเขานี่แหละเป็นคนโปรโมทแนวความคิดอเมริกา

แหล่งที่มา : http://www.rabee.net/ar/questions.php?cat=31&id=330

เชคซอเเละห์อัลเฟาซาน หะฟิศ่อฮุ้ลลอฮ์ ปราชญ์อาวุโสท่านหนึ่งในเเนวทางสะลัฟ กล่าวว่า “ศาสนาของเราไม่ใช่ศาสนาที่สร้างความวุ่นวาย ศาสนาของเรานั้นเป็นศาสนาที่มีความมั่นคงและมีระบบ และศาสนาที่สงบ และการประท้วงนั้นไม่ใช่การงานของมุสลิม”

  • 📚الأجوبة المفيدة-س98


คำฟัตวาของเชคอับดุลอะซีซ บิน บาซ
-ร่อฮีม่าฮุลลอฮ์- ท่านกล่าวว่า “ วิธีการที่ดีย่อมเป็นสื่อสำคัญที่จะให้ความจริงได้รับการยอมรับ ส่วนวิธีการที่รุนแรงและไม่ดีก็เป็นอันตรายใหญ่หลวงต่อการปฏิเสธความจริง หรือเป็นฉนวนของความสับสน ความอธรรม การเป็นศัตรู และการก่อเหตุวิวาทการชุมนุมประท้วงที่คนบางกลุ่มกระทำขึ้นก็จัดอยู่ในประเภทหลังนี้เช่นกัน ซึ่งนับเป็นสาเหตุสำคัญที่สร้างอันตรายและความเสียหายต่อนักเผยแพร่ ดังนั้นการเดินขบวนไปตามท้องถนนหรือตะโกนโห่ร้องจึงไม่ใช่วิธีการถูกต้องและสร้างสรรค์หรือเป็นวิธีการเรียกร้องไปสู่ความดีงาม หากแต่วิธีการที่ถูกต้องนั้นก็คือการเยี่ยมเยือน(หากทำได้) ส่งสารด้วยการเรียกร้องไปสู่สิ่งที่ดีกว่า ไม่ว่าผู้นั้นจะเป็นหัวหน้า ผู้นำ หรือผู้นำตระกูล ก็สมควรจะได้รับคำเตือนท้วงติงด้วยวิธีการดังกล่าว ไม่ใช่ด้วยความรุนแรงหรือชุมนุมประท้วงท่านนบีมุฮำหมัด ศ้อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม อยู่มักกะห์นานถึงสิบสามปี ท่านก็ไม่เคยใช้วิธีการเดินชุมนุมประท้วง(ทั้งๆ ที่ท่านและผู้ศรัทธาทั้งหลายก็ได้รับการกดขี่ข่มเหงจากชาวมักกะห์ผู้ไม่ศรัทธา) ท่านนบีไม่เคยข่มขู่ว่าจะประทุษร้ายต่อชีวิตและทรัพย์สินของผู้ข่มเหงแต่อย่างใดดังนั้นจึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าวิธีการดังกล่าว (การชุมนุมประท้วง) จะก่อเกิดความเสียหายแก่นักเผยแพร่และการเผยแพร่ อีกทั้งยังเป็นการกีดกันมิให้การเผยแพร่ขยายตัวออกไปอีกด้วย ผู้มีอำนาจทั้งหลายก็จะตั้งตนเป็นศัตรูและขัดขวางการเผยแพร่เท่าที่พวกเขากระทำได้ ผู้เดินขบวนอาจทำไปด้วยเจตนาอันดี แต่สิ่งที่ได้รับกลับกลายเป็นตรงกันข้ามการที่ผู้เรียกร้องไปสู่อัลลลอฮ์เจริญรอยตามวิถีทางของบรรดาร่อซูลซึ่งอาจจะมีผลล่าช้าไปบ้างแต่ก็ยังดีกว่าการกระทำที่ก่อให้เกิดผลร้ายต่อการเผยแพร่ หรืออาจทำให้การเผยแพร่เป็นอันต้องยุติลง ไม่มีพลังและอำนาจใดเว้นแต่ด้วยพลังและอำนาจของอัลลอฮ์”

  • คัดจากวารสาร อัล-บุฮูษ อัล-อิสลามียะห์ ฉบับที่ 31หน้า 310

เชคอับดุลอะซีซ บิน บาซ- ร่อฮีม่าฮุลลอฮ์- ยังถูกถามอีกว่า การชุมนุมประท้วงของบุรุษและสตรีที่กระทำต่อผู้ปกครอง ถือได้ว่าเป็นสื่อที่ถูกต้องตามหลักการในการเรียกร้องหรือไม่ และหากผู้ประท้วงต้องเสียชีวิตลง จะถือว่าเป็นผู้เสียชีวิตในหนทางของอัลลอฮ์(ชะฮีด)หรือไม่ท่านตอบว่า “ฉันไม่เห็นว่าการประท้วงไม่ว่ากระทำโดยสตรีหรือบุรุษ เป็นวิธีการที่จะแก้ปัญหาได้ ตรงกันข้าม การประท้วงกลับเป็นเหตุแห่งความวุ่นวายและความเลวร้าย เป็นเหตุแห่งการอธรรมผู้อื่นและทำร้ายผู้อื่นโดยมิชอบ ส่วนวิธีการที่ถูกต้องตามหลักการก็คือการส่งสาร(ท่านร่อซูลเคยปฏิบัติต่อผู้นำที่ยิ่งใหญ่ในอดีตทั้งผู้นำของโรมันและเปอร์เชีย) การตักเตือน และการเรียกร้องสู่คุณธรรมด้วยสันติวิธีเป็นแนวทางของนักวิชาการทั้งหลายทั้งปวง อีกทั้งเป็นแนวทางของบรรดาศ่อฮาบะห์และผู้เจริญรอยตามท่านเหล่านั้นด้วยดี ซึ่งต่างก็ใช้การพบปะพูดคุยหรือการเจรจากับผู้นำและผู้มีอำนาจ มากกว่าการที่จะใช้วิธีการประจานบนธรรมมาสหรือในที่สาธารณะ ว่าเขาชั่วอย่างนั้นเขาเลวอย่างนี้ อัลลอฮ์เท่านั้นคือผู้ช่วยเหลือ”

  • คัดจากเทปบันทึกเสียงการบรรยายธรรมชุด มุคตะต่อฟาต มิน อักวาลิล อุละมาอ์

คำฟัตวาของเชค ซอและห์ อิบนุ อุษัยมีน ท่านถูกถามว่า การชุมนุมประท้วงนับเป็นสื่อของการเรียกร้องที่ถูกต้องตามหลักการหรือไม่ ?ท่านตอบว่า “ อัลฮัมดุลิลลาห์….. ฯลฯ การชุมนุมประท้วงนับเป็นเรื่องใหม่ซึ่งไม่เป็นที่รู้จักในยุคของท่านนบี ศ้อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม และก็ไม่เป็นที่รู้จักในยุคของคุละฟาอ์-รอชิดีน(อบูบักร อุมัร อุษมาน และอาลี) การชุมนุมประท้วงแต่ละครั้งมักจะมีการทำให้เสียทรัพย์และสร้างความโกรธแค้น การชุมนุมประท้วงจึงเป็นสิ่งที่ต้องห้าม อีกทั้งยังเป็นเหตุให้ชายหญิงปะปนกัน ทุบกระจกประตู และการกระทำอื่นๆ ที่รุนแรง อันเป็นสิ่งที่เสียหายและน่ารังเกียจยิ่งส่วนประเด็นการกดดันรัฐบาลนั้น หากรัฐบาล(ที่ถูกกดดันด้วยการชุมนุมประท้วง)เป็นรัฐบาลมุสลิม เพียงใช้การตักเตือนด้วยกิตาบุลลอฮ์และสุนนะฮ์ของท่านร่อซูลุลลอฮ์ ศ้อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมก็นับว่าพอเพียงแล้ว และหากมิใช่รัฐบาลมุสลิม เขาก็คงไม่มาใยดีต่อผู้ชุมนุมประท้วงแต่อย่างใด ภายนอกก็อาจจะแสดงความเป็นมิตรต่อผู้ประท้วงแต่ภายในอาจคิดการไม่ดีก็ได้ ดังนั้นจึงเห็นว่าการชุมนุมประท้วงเป็นสิ่งทีไม่น่ากระทำยิ่งส่วนข้ออ้างที่ว่าการชุมนุมประท้วงเป็นไปโดยสันติ ก็อาจเป็นจริงตามที่อ้างในเบื้องต้น แต่ไม่ช้า (หากมีผู้เข้าร่วมชุมนุมมากขึ้นๆ) ก็จะกลายเป็นการทำลายล้างไปในที่สุด ดังนั้นฉัน(เชคซอและห์) ขอเตือนหนุ่มสาวว่าให้เจริญรอยตามบรรพชนรุ่นแรกเถิด (สะลัฟ) เพราะอัลลอฮ์ได้ชื่นชมทั้งมุฮาญิรีน(ผู้อพยบจากมักกะห์ไปมะดีนะห์)และอันศอร(ชาวเมืองมะดีนะห์ที่คอยให้ความช่วยเหลือ) อีกทั้งพระองค์ยังได้ชื่นชมผู้คนในยุคต่อมาที่เจริญรอยตามทางท่านเหล่านั้นด้วย

  • คัดจากหนังสือ อัลญะวาบ อัลอับฮัร หน้า ٧٥

คำพูดของเชค อะห์หมัด นัจมีย์ท่านกล่าวถึงข้อสังเกตุของท่านที่มีต่อกลุ่มอิควานุลมุสลิมีน ซึ่งเป็นข้อสังเกตุที่ ٢٣ ว่า“การชุมนุมประท้วงไม่เป็นที่รู้จักในอิสลามและอิสลามก็ไม่ยอมรับด้วย ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นสิ่งอุตหริที่เกิดขึ้นใหม่ เป็นการกระทำของกุฟฟาร ซึ่งเล็ดลอดเข้ามาสู่พวกเรา(มุสลิม) และส่วนใหญ่ไม่ว่าพวกเขาจะทำอะไรพวกเรามักทำตามเสมออิสลามจะชนะศัตรูด้วยการชุมนุมประท้วงก็หาไม่ แต่จะชนะก็ด้วยการต่อสู้บนพื้นฐานอะกีดะห์ที่ถูกต้อง บนแนวทางของท่านนบี ศ้อลลัลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม ที่ได้วางไว้เป็นรูปแบบที่ชัดเจน บรรดาร่อซูลในยุคอดีตต่างก็ได้รับการทดสอบมาด้วยวิธีการอันหลากหลาย แต่ก็ไม่มีท่านใดได้รับบัญชาจากอัลลอฮ์(ให้ชุมนุมประท้วง)นอกเสียจากให้อดกลั้นอดทน(ในขณะที่ไม่มีกำลังความสามารถพอที่จะต่อสู้กับศัตรูได้)ดูนบีมูซาเป็นตัวอย่าง ท่านได้กล่าวแก่หมู่ชนของท่านตามที่อัลลอฮ์ได้เล่าให้เราฟังดังนี้“มูซาได้กล่าวแก่หมู่ชนของเขาว่า พวกท่านจงขอความช่วยเหลือจากอัลลอฮ์และจงอดทนเถิด แท้จริงแผ่นดินของอัอลลอฮ์นั้น พระองค์จะมอบเป็นมรดกแก่ผู้ใดก็ได้จากปวงบ่าวของพระองค์ตามที่ทรงประสงค์ และบั้นปลายนั้นเป็นของผู้ยำเกรง” (อัลอะอ์รอฟ อายะห์ที่ ١٣٨)ทั้งๆที่ฟิรอูนกดขี่ข่มเหงหมู่ชนของมูซาสักเพียงใดก็ตาม ทารกเพศชายที่เกิดมาก็ถูกฟิรอูนสั่งฆ่าเสียสิ้น ปล่อยไว้แต่ทารกเพศหญิงท่านนบีมุฮำหมัด ศ้อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ก็ได้กล่าวแก่หมู่ชนของท่านในขณะที่พวกเขาร้องเรียนท่านถึงการข่มเหงของมุชริกีน(ชาวมักกะห์)ที่มีต่อพวกเขาว่า  “แท้จริงคนก่อนหน้าพวกเจ้าถูกนำมาแล้วเอาเลื่อยผ่าตั้งแต่ศรีษะจรดเท้า ก็ยังไม่ทำให้เขาละทิ้งศาสนา ไม่ช้าอัลลอฮ์จะให้แก่ศาสนานี้(คือจะรุ่งเรืองและยิ่งใหญ่) จนกระทั้งผู้เดินทางจากเมื่องศอนอาอ์ไปยังเมื่องฮะฎ่อร่อมูตอย่างไม่ต้องกลัวสิ่งใดนอกจากอัลลลอฮ์ แม้ว่าสุนัขจิ้งจอกจะอยู่กับฝูงแกะของเขาก็ตาม หากแต่พวกเจ้าทั้งหลายกลับรีบร้อนกันเหลือเกิน”ท่านนบีก็ไม่ได้ใช้ให้บรรดาศ่อฮาบะห์ออกไปเดินชุมนุมประท้วงมุชริกีนหรือลอบสังหารพวกเขาแต่ประการใด

  • คัดจากหนังสือ อัลเมาริดอัลอัซบ์ หน้า ٢٢٨

สารน์ทักท้วงจากเชคอับดุลอะซีซ บิน บาซ ถึงเชคอับดุรเราะห์มาน อับดุล คอลิก เกี่ยวเรื่องการชุมประท้วงเชคอับดุลอะซีซ บิน บาซ ได้ส่งหนังสือทักท้วงไปยังเชคอับดุรเราะห์มาน อับดุล คอลิกเกี่ยวกับข้อผิดพลาดหลายเรื่องที่พบในหนังสือของเชคอับอุเราะห์มาน หนึ่งในข้อผิดพลาดดังกล่าวคือ เรื่องการชุมนุมประท้วงในหนังสือ อัซซิยาซะห์ อัชชัรอียะห์ ของท่านอับดุรเราะห์มาน อับดุล คอลิก หน้า ٣١-٣٣ ปรากฏข้อความดังต่อไปนี้ท่านร่อซูล ศ้อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้ใช้วิธีการหลากหลายในการเรียกร้องไปสู่อัลลอฮ์ ซึ่งเป็นวิธีที่เป็นที่รู้จักในยุคนั้น ท่านได้ใช้การปฏิสัมพันธ์กับผู้คน การเรียนการสอนแบบพิเศษ (ณ บ้านของ อัรกอมและที่มัสยิด)——–ฯลฯ และการชุมนุมประท้วงเชคอับดุลอะซีซ บิน บาซ จึงส่งหนังสือไปทักท้วงโดยกล่าวแก่เชค อับดุรเราะห์มาน โดยระบุไว้ในประการที่หก ว่า “ท่านได้กล่าวไว้ในหนังสือของท่านที่ชื่อว่า ฟุศูล มินัซซิยาซะห์ อัชชัรอียะห์ ในหน้าที่ ٣١-٣٢ ว่า การชุมประท้วงเป็นวิธีการหนึ่งของการเรียกของท่านร่อซูล ศ้อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมฉันไม่พบตัวบท(หลักฐานทางศาสนา)ใดๆ ที่บ่งชี้ถึงความหมายดังกล่าว และโปรดระบุว่าผู้รู้ท่านใดที่ได้กล่าวไว้เช่นนั้น หรือระบุตำราใดที่กล่าวเช่นนั้น และหากไม่มีที่อ้างอิงใดๆ (ไม่ว่าจะเป็นตัวบททางศาสนาหรือคำพูดและตำราของผู้รู้)ก็จงเลิกกล่าวเช่นนั้นเสีย เท่าที่ฉันทราบคือไม่มีตัวบทใดๆ บ่งชี้ในเรื่องดังกล่าว การชุมนุมประท้วงมีผลเสียมากมายตามที่ทราบกันดีอยู่แล้ว และหากมีตัวบทหลักฐานที่ศ่อเฮี้ยห์(ถูกต้อง)ก็จำเป็นจะต้องนำเสนอโดยละเอียด ถ้าไม่เช่นนั้นบรรดาผู้ก่อการประท้วงที่สร้างความเสียหายจะเอาไปอ้างอิงได้       ขออัลลอฮ์โปรดประคับประคองเราท่านสู่ความรู้ที่เป็นประโยชน์และการงานที่ถูกต้อง และขอให้พระองค์แก้ไขหัวใจของเรา การงานของเราให้ถูกต้องเที่ยงตรง อีกทั้งขอให้พระองค์ทำให้เราเป็นผู้อยู่ในทางนำด้วยเทิญ พระองค์คือผู้ทรงไว้ซึ่งความเอี้อเฟื้อและทรงเกียรติยิ่งวัสสะลามุอะลัยกุม วะเราะห์มะตุลลอฮิ วะบะร่อกาตุห์
ผู้ฟัตวาทั่วไปประจำประเทศซาอุดิอาราเบีย
หัวหน้าคณะอุละมาอ์อาวุโส กองการศึกษาค้นคว้าทางวิชาการและการฟัตวา
(อับดุลอะซีซ บิน บาซ)

คำแปลรวบรวมจากบทความของอาจารย์อิสหาก พงษ์มณี เเละอาจารย์คอลิด ปานตระกูล