หะมาส,โคมัยนีย์แห่งอิหร่านเเละการเผยเเพร่ชีอะห์อิหม่ามสิบสองในเมืองกาซ่า

เรียบเรียงโดย ดร.อบูอิย้าด เว็ปไซต์ https://abuiyaad.com/
แปลโดย อบู จัสมิน (27 ธันวาคม 2566)

บทความต้นฉบับเผยแพร่เมื่อปี 2013

กลุ่มหะมาส เป็นสาขาย่อยของกลุ่มภราดรภาพมุสลิม(อัล-อิควาน อัล-มุสลิมีน) โดยมีต้นกำเนิดจากกลุ่มฟรีเมสัน(ผ่านญามาลุดดีน อัล-อิรานีย์ กลุ่มอิควานมีเป้าหมายต้องการปกครองรัฐของชาวมุสลิม มีการเชื่อมโยงระหว่างกลุ่มซูฟีย์เเละชีอะห์ รวมทั้งมีเเนวคิดประชาธิปไตย เเละการสร้างเอกภาพในศาสนา เเก่นหลักข้อหนึ่งของกลุ่มอิควานคือหลักอัตตักรีบ การสร้างสมานฉันท์กับชีอะห์รอฟิเฎาะห์ โดยถือว่าพวกเขาเป็นพี่น้องบนหลักเตาฮีดเเละอิหม่าน โดยมีอิสมาอีล ฮานียะฮ์เเละคอลิด มิชอัล เป็นผู้นำอาวุโสของกลุ่ม ด้านล่างนี้เป็นภาพของอิควานทั้งสองที่เดินทางไปเคารพหลุมศพของอายาตุลลาห์ โคมัยนีผู้ตั้งตนเป็นศัตรูกับท่านอบุบักรเเละท่านอุมัร (رضي الله عنهما)

เราควรทราบก่อนว่านี่มิใช่สัมพันธ์ทางการทูต เเม้จะมีเรื่องผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจและความร่วมมือทางการเมืองมาเกี่ยวข้อง เหมือนกับความสัมพันธ์ของประเทศต่างๆ ที่มักจะจับมือกันเเม้นมีอุดมการณ์ หรือหลักความเชื่อที่แตกต่างกัน ทว่านี่เป็นความสัมพันธ์ทางศาสนา การเคารพและสวามิภักอย่างสุดซึ้งต่ออัล-โคมัยนี(มูชริก,กาฟิร ,ฏอฆูต), ซึ่งเป็นการผูกมิตรทางศาสนา1

ดู : Ghazi Hamad, Senior Hamas figurehead on belief in democracy and pluralization (2006)

สิ่งนี้ชี้ให้เห็นจุดยืนที่เเท้จริงของกลุ่มหะมาสว่าเป็นเครื่องมือหนึ่งที่ได้ผลของพวกรอฟิเฎาะห์เเละไซออนิสต์ เพื่อริดรอนชีวิต ทรัพย์สินและสวัสดิการ(รวมถึงทำลายความเชื่อ)ของชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซา ผู้นำที่เชื่อในระบอบประชาธิปไตย และพหุนิยม ด้วยความโง่เขลา พวกเขาไม่รู้เเละไม่สามารถเเยกได้ว่าสิ่งใดคืออิหม่านและกุฟุ้ร, สิ่งใดคือเตาฮีดและชิริก

เราต้องทำความเข้าใจก่อนว่ากลุ่มหะมาสนั้นเป็นเพียงองค์กรหนึ่ง มิใ่ช่ตัวเเทนของชาวปาเลสไตน์ทั้งหมด และไม่ใช่ทุกคนที่อยู่ภายใต้ร่มธงของหะมาสหรือสนับสนุนพวกเขาจะต้องเห็นด้วยกับมุมมองและความเชื่อของผู้นำเหล่านี้

ในขณะเดียวกัน การฆ่าล้างเผ่าพันธ์,การกวาดล้าง,การยึดพื้นที่,การลักพาตัว หรือการกระทำอื่นๆ กลับเป็นสิ่งที่ชอบด้วยกฎหมายต่อชาวปาเลสไตน์ ส่วนหะมาสก็ยังคงมีอำนาจ เหนือชาวปาเลสไตน​์ คือ ได้รับการสนับสนุนอย่างเเข็งขันผ่านองค์กรสิทธิของอิสราเอล เพราะเปิดโอกาสให้พวกเขาดำเนินตามเเผนระยะยาว เพื่อกวาดล้างชาวปาเลสไตน์ให้หมดสิ้น

ดังนั้น หะมาสก็เหมือนกับตัวเเทนของอิหร่าน หรือม้าโทรจันทร์ของกลุ่มไซออนิสต์ที่สวมใส่หน้ากากของผู้ต้องการกำจัดกลุ่มหะมาสเเละอ้างว่าจะมอบ”อนาคตที่ดีกว่าให้แก่ชาวปาเลสไตน์”2 หลังจากสนับสนุน เเละช่วยเหลือพวกเขาเเล้ว เเละผลักดันพวกเขาออกจากดินเเดนที่เคยอาศัย เนทันฮายู กล่าวว่า “นี่คือกลยุทธ์ของเรา” หะมาสจึงเป็นกลุ่มคนที่เต็มไปด้วยสายลับและผู้แทรกซึม

จากคลิปเผยให้เราทราบถึงกลยุทธ์ของเนทันยาฮู

ดูรายละเอียด : Hamas and the Israeli-right.

การเผยแพร่ลัทธิชีอะห์อิหม่ามสิบสอง(การเผยเเพร่ชิริก,กุฟร์)ในปาเลสไตน์

ผู้นำมุชริกของกลุ่มชีอะห์อิหม่ามสิบสอง ใช้ชะตากรรมของชาวปาเลสไตน์เป็นช่องทางในการเผยแพร่กุฟรและชิริกเพื่อดับแสงสว่างทางนำเเห่งเตาฮีดและสุนนะฮ์ นี่เป็นกลยุทธ์ของอิหร่าน การใช้ตัวเเทนของกลุ่มฮิซบุลเลาะห์ในการสนับสนุนด้านอาวุธ ยุทโธปกรณ์แก่กลุ่มหะมาส รวมถึงการเผยแพร่ลัทธิชีอะห์

ในวิดีโดด้านบน อิหม่ามในเมืองกาซ่าของปาเลสไตน์กำลังกล่าวคุตบะฮ์พยายามชี้เเจงให้เห็นถึงการเเทรกซึมของพวกชีอะห์รอฟิเฎาะห์ เเละการเผยเเผ่ชิริกเเก่ชาวปาเลสไตน์ เขาให้ดูหมวกใหมพรมที่วางขายในกาซ่า มีข้อความที่เขียนว่า “ยาฮุสเซน” เเละหนังสือที่เขียนโดยฮัสสาน นัศรุลลอห์ หัวหน้ากลุ่มฮิซบุลลอฮ์ เเละอะหมัดดิเนจาด ถูกนำมาเเจกจ่ายแก่ชาวบ้านในกาซ่า เขายังได้ยกคำพูดของมุชริกกาฟิร หัสสาน นัศรุลลอห์ ที่กล่าวว่า:

“ด้วยอานิสงค์ของการปฏิวัติอิหร่าน ทำให้เราสามารถเผยแพร่ลัทธิชีอะห์ไปตามบ้านเรือนของชาวปาเลสไตน์”

อิหม่ามได้กล่าวอีกว่า “พวกสุกรเหล่านี้ (รอฟิเฎาะห์) ไม่เกี่ยวข้องใดๆ กับพวกเราชาวปาเลสไตน์” และอธิบายว่าพวกเขาสังหารชาวมุสลิมสุนนีย์ ในทุกสถานที่ ในอิรัก ซีเรีย เยเมน และเลบานอนอย่างไร

หะมาสเเสดงความเคารพต่อหลุมศพโคมัยนีย์ทุกครั้งที่เยือนอิหร่าน

จากทวิตเตอร์ของคอลิด มิชอัล ที่ถูกระงับบัญชีไปเเล้ว ได้ลงข้อความว่า :

“ไม่มีผู้นำขบวนการฮามาส หรืออิควานคนใด เคยไปเยือนอิหร่าน เว้นเเต่พวกเขาจะไปเยี่ยมหลุมศพของอิหม่าม อัล-โคไมนี เพื่อเเสดงความเคารพ…”

และ

สิ่งที่ทำให้เราเป็นหนึ่งเดียวกับอิหร่านและผู้นำพวกเขา มิใช่เพียงเรื่องผลประโยชน์ร่วมกันเท่านั้น ทว่ามันคือภราดรภาพที่แท้จริง และการมีศรัทธาร่วมกัน

ผู้นำหะมาสเเละอิควานุ้ลมุสลิมีนไม่เคยไปอิหร่านครั้งใดเว้นเเต่พวกเขาจะต้องไปเคารพหลุมศพของโคมัยนีย์(มุชริก,กาเฟร,ตอฆูต ศัตรูตัวฉกาจของอิสลาม) เเละตั้งตนเป็นปฏิปักษ์ต่อญิบรี้ล (عليه السلام) ท่านอบูบัรเเละอุมั้ร (رضي الله عنهم

การขาดความรู้ในรากฐานอิสลาม ทำให้พวกเขาไม่สามารถเเยกได้ว่าอะไรคืออิหม่านเเละกุฟุร หรือเตาฮีดเเละชิริก เผยให้เห็นส่วนลึกของคนเหล่านี้ว่าขาดความรู้อิสลามที่ถูกต้อง

เมื่อครั้งที่ท่านอุมัร เข้ายึดกรุงเยรูซาเลม ผู้ดูเเลเมืองส่งมอบกุญเเจให้ท่านด้วยความหวาดหวั่นเเละเกรงกลัว นี่คือผลลัพท์ที่เเท้จริง ผ่านผู้นำมุสลิมเเละผู้ที่อยู่ภายใต้การปกครองมีอิหม่านเเละเตาฮีดที่ฝังลึกอยู่ในหัวใจ ลองหันมาดูผู้คนทุกวันนี้ พวกเขายังเเยกไม่ออกระหว่างเตาฮีดของท่านศานทูตของอัลลอฮ์เเละชีริกรุบูบียะฮ์ของพวกรอฟิเฎาะห์ พวกเขายังคิดว่าชัยชนะจะเกิดขึ้นผ่านการสนับสนุนของพวกที่อ้างว่า ท่านอะลียคือพระเจ้า, เชื่อว่าบรรดาศอฮาบะฮ์ของท่านนบีเป็นกาฟิร เเละอ้างว่าท่านหญิงอาอีชะฮ์เป็นผู้ที่ถูกอัลลอฮ์สาบเเช่ง

ครั้นเมื่อผู้รู้อะห์ลุสสุนะฮ์ ผู้ยืนหยัดบนเเนวทางซะลัฟอันเที่ยงธรรม ออกมาชี้เเจงให้ความกระจ่างถึงข้อเท็จจริง บนพื้นฐานความรู้ เเละสติปัญญาที่เปี่ยมด้วยความห่วงใยต่อพี่น้องชาวปาเลสไตน์อย่างแท้จริง และด้วยความจริงใจต่อศาสนาอิสลาม,ชีวิต,ทรัพย์สิน รวมทั้งดินเเดนของพวกเขา ก็ยังมีคนโง่เขลา เเละจอมตักฟีร อย่างเช่น Daniel Haqiqatjou เเละผู้ติดตามเขา ยังคงสับสนมึนงง เเละมีความเกลียดชัง ตั้งข้อกล่าวหาชาวสุนนะห์เหล่านี้ บ้างก็กล่าวหาว่าเป็นมุนาฟิก, เป็นกาฟิร หรือไม่ก็บอกว่าเป็นสาวกยิว

เราแค่ชี้ให้เห็นว่า การช่วยเหลือของอัลลอฮ์จะมาถึงนั้น ก็ด้วยเตาฮีดเเละความโปรดปราณของอัลลอฮ์ เเละการช่วยเหลือของอัลลอฮ์นั้นจะไม่เกิดขึ้นหากผู้คนยังมีชิริก(เช่น พวกชีอะห์อิหม่ามสิบสอง) ยังมีการตั้งภาคีต่ออัลลอฮ์ เเละเพียงเพื่อเปิดโปงพวกรอฟิเฏาะห์เเละคอวาริจญ์ ที่นำความเสียหายอันใหญ่หลวงมาสู่อุมมะฮ์อิสลามในการเป็นตัวเเทนของผู้ปฏิเสธศรัทธา เเละเพื่อตอบโต้ผู้ที่มีส่วนร่วมในการทำลายเสถียรภาพของประเทศมุสลิมโดยการก่อความวุ่นวายเเละปลุกปั่นเพื่อล้มล้างผู้นำอิสลามเเละรัฐ(ซึ่งผลของมันนำไปสู่การก่อจลาจลและเปิดโอกาสให้ศัตรูอิสลามจากภายนอกเข้ามาเเทรกเเซง ทำลายสเถียรภาพของประเทศมุสลิม)

ผู้นำอิควานีย์-หะมาส, อิสมาเอล ฮานียะห์ และคอลิด มิชอาล, เคารพต่อหลุมศพ(ตอฆูต)อัล-โคมัยนี ในอิหร่าน

ภาพของอิสมาเอล ฮานิยะห์และคอลิด มิชอาล เข้าเยี่ยมเพื่อเคารพต่อหลุมศพโคมัยนีย์

พวกเขาแสดงความเคารพต่อหลุมศพของกาฟิรมุชริกที่เคยกล่าวว่า “เมื่อใดที่การพิชิตเมืองมะดีนะห์สำเร็จ ประการเเรกที่จะทำคือการขุดหลุมของ”เจว็ดทั้งสอง” (หมายถึงท่านอบูบักรและอุมัร (رصي الله عنهما) ) และด่าทอท่านหญิงอาอิชะฮ์ (رجي الله عنها)

นี่คืออุดมการณ์โดยทั่วไปของกลุ่มอัล-อิควาน อัล-มุสลิมีน เป็นส่วนผสมของความสุดโต่งแบบญะฮฺม บินซ้อฟวาน ในด้านรอฟิเฏาะห์,เเละกุบุรียะฮ์ (อิบาดะฮ์ต่อหลุมฝังศพ) เเละด้านเคาะวาริจญ์ ในการต่อต้านรัฐมุสลิม ที่อัลลอฮ์ทรงประทานความโปรดปราณ ให้กับดะวะฮ์ของเชคมุฮัมหมัด บินอับดุลวะฮาบ (رحمه الله), ทำให้ดินเเดนแห่งเตาฮีดของท่านไม่มีหลุมศพใดถูกอิบาดะฮ์ เป็นภาคีร่วมกับอัลลอฮ์

หะมาสและอะห์มาดิเนจาด(ที่ถูกสงสัยว่าเป็นยิว) ร่วมเฉลิมฉลองการปฏิวัติอิหร่าน

นี่คืออีกภาพหนึ่งของอิสมาเอล ฮานียะห์ บนแท่นปราศรัย ในอิหร่าน ด้านหลังเป็นภาพขนาดใหญ่ของอัล-โคมัยนีย์และอัลคาเมเนอี:

อย่างที่ธีโอดอร์ เฮิร์ซล์ กล่าวไว้ว่า “ผู้ต่อต้านชาวยิว” คือเพื่อนที่ดีที่สุดของไซออนิสต์ และลัทธิไซออนิสต์ ไม่ยอมและเดือดดาลต่อ “การต่อต้านชาวยิว” ด้วยเหตุนี้ เราจึงอย่าได้หลงกลพวกชีอะห์รอฟิเฎาะห์ เช่น จากวาทศาสตร์ของอามาดิเนจัด ซึ่งถูกสัยว่าเป็นพวก Crypto-Judaism (ยิวเเอบเเฝง)

ดู : Iranian President Was Born Jewish, More Jewish Roots, and Hiding Jewish Roots by Bashing Israel

หะมาส การก่อความเสียหายและการส่งมอบฉนวนกาซ่าให้กับไซออนิสต์

ในวิดีโอภาษาอาหรับด้านล่าง เเสดงให้เราเห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มหะมาสและชีอะห์รอฟิเฎาะห์แห่งอิหร่าน, ความกุฟุรเเละชิริกและคำกล่าวอ้างที่ว่างเปล่าของพวกเขา(ชีอะฮ์รอฟิเฏาะฮ์) ที่อ้างว่าจะอยู่เคียงข้างชาวปาเลสไตน์

วิดีโอเริ่มต้นด้วยผู้หญิงคนหนึ่งที่คร่ำครวญถึงความเสียหายในฉนวนกาซาโดยพูดว่า มันจบสิ้นแล้ว จากนั้นเป็นคำพูดของหัวหน้ากลุ่มหะมาส ที่ออกมาคุยโวว่าได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน เเต่ในความเป็นจริงหาใช่เช่นนั้นไม่ ถัดจากนั้นก็เป็นคำพูดของพวกรอฟิเฎาะห์ที่อธิบายว่าอัลลอฮ์ที่ปรากฏในอัลกุรอานนั้น คือท่านอะลีย์ (رصي الله عنه) และมีคำพูดกุฟุร มากมาย มีทั้งคำพูดชิริกและบิดเบือน ทำให้เราสังเกตได้ถึงความเป็นชีอะห์ของหัวหน้าหะมาสเหล่านี้—เมื่อพวกเขาสรรเสริญผู้นำทางจิตวิญญาณของอิหร่าน—เรียกร้องเชิญชวน, ปกป้องลัทธิชีอะฮ์, และทำงานรับใช้อุดมการณ์พวกเขา

ข้อสังเกต

01 เป็นที่ทราบกันดีว่า กลุ่มคอวาริจญ์หรือผู้ที่ได้รับเเนวคิดอันตรายนี้จะตัดสินผู้นำมุสลิมว่าตกศาสนา จากรายละเอียดที่ได้กล่าวไป ต่อไปนี้จะเป็นคำถามและข้อสังเกตที่เกิดขึ้น ซึ่งเราอย่าลืมว่าผู้นำชีอะฮ์อิหม่ามสิบสองเป็นกาฟิรมุชริก และการปฏิเสธศรัทธาของพวกเขามีความชัดเจน :

  1. ผู้ที่แสดงความจงรักภักดีในทางศาสนาต่อมุชริกกาเฟรแห่งอิหร่าน ยังคงเป็นมุสลิมหรือไม่ ?
  2. ผู้ที่ขอความช่วยเหลือทางด้านอาวุธยุทโธปกรณ์จากพวกมุชริกีน,ตอฆูต, ศัตรูของอัลลอฮ์ (عز وجل) ศัตรูของญิบรีล (عليه السلام) ศัตรูของท่านอบู บักร และอุมัร (رضي الله عنهما) และศัตรูของท่านหญิงอาอิชะฮ์ (رضي الله عنها) ยังคงเป็นมุสลิมหรือไม่? หรือเป็นที่อนุญาตหรือไม่ที่จะขอความช่วยเหลือด้านทหารจากผู้ปฏิเสธศรัทธา ?
  3. ผู้ที่ปกครองโดยกฎหมายเซคิวลาร์ และเชื่อในระบอบประชาธิปไตย,พหุนิยม และนำมาเป็นระบอบการปกครอง ยังคงเป็นมุสลิมหรือไม่?
  4. ผู้ที่ไม่เเยเเสต่อการกระทำของพวกชีอะห์รอฟิเฎาะห์ของอิหร่าน, (ชีอะห์)นูศอยริยะฮ์ในซีเรีย เเละชีอะห์ฮูตีย์อิหม่ามสิบสองในเยเมน ความผิดที่พวกเขาก่ออาชญากรรมเข่นฆ่าชาวซุนนีย์ ทรยศต่อหักหลังชาวมุสลิม คนเเบบนี้เป็นมุสลิมหรือไม่ ? เป็นการมอบความจงรักภักดีต่อมุชริกีนผู้ปฏิเสธศรัทธาเหนือผู้คนเเห่งเตาฮีดหรือไม่?

คำถามเหล่านี้เกิดขึ้นนี้เพียงเพื่อชี้ให้เห็นความสองมาตรฐาน และความย้อนเเย้ง ของพวกชีอะห์รอฟิเฎาะห์และคอวาริจญ์

02 ขณะที่เราต่างขอดุอาอ์ให้กับพี่น้องมุสลิมในปาเลสไตน์ เพื่อขับไล่ผู้รุกราน รณรงค์ให้ยุติกกวาดล้างชาติพันธุ์ การก่ออาชญากรรมสงคราม และการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ เราต้องจดจำไว้ว่าเป็นเวลาสำคัญที่ชาวปาเลสไตน์ต้องการความเป็นผู้นำ ที่พึ่ง ในช่วงเวลาเเห่งรอยต่อที่สำคัญนี้ อิหร่านเข้ามามีบทบาทสำคัญผ่านตัวเเทน(ฮิสบุลลาห์,ฮูตีย์,หะมาส) นี่คือตัวเเทนที่อันตรายของลัทธิชีอะห์สิบสอง

ด้วยเหตุนี้ เเนวคิดที่หลงผิดของกลุ่มหะมาส ไม่ว่าการสานสัมพันธ์ทางศาสนา การสร้างความใกล้ชิด และการมอบความภักดีของพวกเขา จึงเป็นสิ่งที่ควรนำมาพิจารณา ไม่ควรละเลย

03 สุดท้าย,พวกรอฟิเฎาะห์เเละอิควาน (ภาพตัวเเทนของรอฟิเฎาะห์เเละคอวาริจญ์) คือศัตรูของผู้คนเเห่งเตาฮีดเเละอะลุสสุนนะฮ์วัลญะมาะอ์ ทั้งสองร่วมมือกันบนหลัก “ตักรีบ” (เเสวงหาความใกล้ชิด,ผูกมิตร) เพื่อดำเนินตามเเผนอื่นๆ ต่อไป

เมื่อท่านศึกษาประวัติศาสตร์อิสลามยุคต้นและรู้ว่าการเคลื่อนใหวของ “พวกสะบาอียะห์” ที่ต่อต้าน “ท่านอุษมาาน บินอัฟฟาน” (رجي الله عنه)—พวกเขาก็ใช้สโลเเกน “เสรีภาพ” “ความยุติธรรม” “ความเสมอภาค” การเคลื่อนใหวเหล่านี้มีผลโดยตรงต่อการเกิดขึ้นของกลุ่ม “ชีอะฮ์ และคอวาริจญ์” สองกลุ่มเเรกสุดที่เเตกออกไปจากเเนวทางอิสลามที่ถูกต้อง, จากนั้นท่านจะเริ่มเข้าใจสโลแกนต่างๆ ของคนเหล่านี้ ไม่ว่าสโลเเกน “ฮากีมิยะห์”, “อิมามะห์”, “ความยุติธรรมทางสังคม” เเละเข้าใจเจตนาที่เเท้จริงของพวกเขา

จากนั้น ท่านก็จะเข้าใจว่า เหตุใดชื่อของอัล-โคมัยนีย์, ซัยยิด กุฏุบ, เมาดูดีย์ และฮะซัน อัล-บันนา มักจะถูกกล่าวถึงพร้อมกันเสมอ เพราะพวกเขาคือผู้ฟื้นฟูอุดมการณ์และสโลเเกนของสะบาอีย์ คอริญีย์ และรอฟิเฎาะห์

กลุ่มอิควานมิได้มีเจตนานำอิสรภาพ, ความยุติธรรม และความเท่าเทียม ที่เกิดขึ้นผ่านเตาฮีดที่บรรดาศาสนทูตนำมาใช้ เเต่โดยผ่านวิธีการอื่น เราจะพบว่าพวกเขานิ่งเฉยต่อผู้คนนับล้านในอียิปต์ที่ยังบูชาต่อเจว็ด และในขณะเดียวกันพวกเขาก็มอบความจงรักภักดี และสานสัมพันธ์กับพวกนอกรีต รอฟิเฎาะฮ์แห่งอิหร่าน

ทั้งรอฟิเฎาะห์และอิควานียะฮ์ ยังคงเเพร่กระจายอยู่ในกลุ่มประเทศอาหรับที่บ้านเมืองส่วนใหญ่ยังอยู่บนเเนวทางของเตาฮีดและซุนนะฮฺ ผลพวงจากดะฮ์วะฮ์ของเชคมูฮัมหมัด บินอับดุลวะฮาบ (ขออัลลอฮ์ทรงเมตตาท่าน) เเม้จะมีการทำบาป ฝ่าฝืน หรือทำในสิ่งที่อัลลอฮ์ ไม่ทรงพอพระทัยอยู่บ้าง อย่างไรก็ตาม ผู้ที่มีเตาฮีด แต่ยังทำบาปใหญ่ ก็ยังดีกว่าผู้ที่ทำชิริกรุบูบิยะฮ์ (ดังที่พบในพวกรอฟิเฎาะห์) และเเละชิริกอุลูฮิยะฮ์ (การอิบาดะฮ์ต่อในหลุมฝังศพในหลายประเทศ) ต่อบรรดาคนดี

ไม่เป็นที่สงสัยว่าการมีอยู่ของรอฟิเฎาะห์และคอวาริจญ์ ในประเทศอาหรับรวมถึงกลุ่มซูฟีย์ ก็ยังคงถูกใช้เป็นเครื่องมือเพื่อสร้างความขัดแย้งและสร้างความอ่อนเเอ(หรือทำลาย)แสงสว่างแห่งเตาฮีดและซุนนะฮ์ต่อไป ขอให้อัลลอฮ์ทรงปกป้องดินแดนเหล่านี้ ผู้ปกครองประเทศ,บรรดาปวงปราชญ์และผู้คนในดินแดนเหล่านี้ ให้พ้นจากความชั่วร้ายทั้งปวง รวมถึงดินแดนของชาวมุสลิมทุกหนเเห่ง.อามีน

เชิงอรรถ
  1. แม้ว่ารัฐและผู้นำมุสลิมสุนนีย์ มีข้อตกลงที่เป็นผลประโยชน์ในระดับรัฐกับชีอะห์ ซึ่งก็เป็นเเค่ข้อตกลงที่เป็นผลประโยชน์ทางดุลยา ที่เป็นผลดีต่อรัฐอิสลาม เป็นยุทธวิธีทางการทูต มิได้ดำเนินการ หรือให้การสนับสนุนอุดมการณ์ทางศาสนาที่หลงผิดหรือไปประนีประนอมกับพวกเขา ↩︎
  2. หมายถึง ในฐานะผู้ลี้ภัยที่ได้รับความช่วยเหลือและให้พักพิง ในที่อื่น จากมุมมองของไซอนนิสต์ เพื่อผลักพวกเขาออกจากแผ่นดินที่เคยอาศัย ↩︎