รอฟิเฎาะฮ์มีความเชื่อย่างไร ต่อบรรดาเศาะหาบะฮ์ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮ์ อะลัยฮิวะสัลลัม ?
จากหนังสือความเชื่อบางประการของชีอะห์
อับดุลลอฮ์ บิน มุหัมมัด อัล สะละฟีย์ เขียน
อบู หะสัน แปล
รอฟิเฎาะฮ์มีความเชื่อย่างไร
ต่อบรรดาเศาะหาบะฮ์ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮ์ อะลัยฮิวะสัลลัม ?
การศรัทธาของรอฟิเฎาะฮ์วางอยู่บนพื้นฐานแห่งการด่าทอ สาปแช่ง และกล่าวร้ายต่อบรรดาเศาะหาบะฮ์ ว่าเป็นพวกที่นอกรีตและตกศาสนา อัล กุลัยนีย์ ได้บันทึกใน “ฟุรูอฺอัลกาฟีย์” ว่า มีรายงานจาก ญะอฺฟัร อะลัยฮิสสลาม กล่าวว่า : “ผู้คนหลังการเสียชีวิตของท่านรสูล ศ็อลลัลลอฮ์ อะลัยฮิวะสัลลัม ล้วนตกศาสนา(มุรตัด) ยกเว้นสามคนเท่านั้น ฉันถามเขาว่า สามคนนั้นคือใคร ญะฟัรตอบว่า สามคนนั้น คือ อัล มิกดาด บิน อัล อัสวัด, อบู ซัร อัล ฆิฟารีย์ และสัลมาน อัล ฟาริซีย์ [1]
อัล มัจลิซีย์ ได้บันทึกใน “บิหาร อัลอันวาร” ว่า “บ่าวของท่านอาลี บิน หุเส็น ได้กล่าวแก่ท่านว่า : การรับใช้ท่าน คือภาระหน้าที่ของฉัน ดังนั้นท่านจะบอกฉันเกี่ยวกับผู้ชายสองคน คือ อบูบักร และอุมัรได้ไหม?
ท่านอาลี ตอบว่า : “ทั้งสองเป็นกาฟิร ผู้ใดที่รักคนทั้งสองก็ย่อมต้องเป็นกาฟิรด้วย”
และรายงานจาก อบีหัมซะห์ อัษษุมาลีย์ ว่า เขาได้ถาม อาลี บิน อัล หุเส็น เกี่ยวกับอบูบักรและอุมัร อาลี บิน หุเส็น ตอบว่า “ทั้งสองเป็นกาฟิร และผู้ปฏิบัติตามเขาทั้งสองด้วย” [2]
ในดำรัสของอัลลอฮ์ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ที่ว่า
( … وَيَنهى عَنِ الفحشاءِ وَالمُنكَرِ وَالبَغيِ … )
ความว่า : “และอัลลอฮ์ ทรงห้ามจากการทำลามกและชั่วช้า และการอธรรม” (อันนะห์ 16:90)
อัล กุมมีย์ ได้อธิบายว่า : บรรดาอุลามาอฺชีอะห์กล่าวว่า “ฟะฮ์ชาอฺ คือ อบูบักร, มุงกัร คือ อุมัร และ บัฆย์ คืออุษมาน” [3]
อัลมัจลิซีย์ ได้บันทึกในหนังของเขา “บิหาร อัลอันวาร” ว่า “หลักฐานได้ชี้ให้เห็นถึงการกุฟุรของ อบูบักร และ อุมัร รวมถึงบุคคลที่เหมือนทั้งสอง ผู้ที่สาบแช่งพวกเหล่านั้นจะได้รับผลบุญและปลอดภัยจากพวกเขา และความอุตริของพวกเขามีมากกว่าที่ได้กล่าวในเล่มนี้และหนังสือเล่มอื่นๆอีกด้วย ในสิ่งที่ฉันได้กล่าวมานี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับผู้ที่ต้องการทางนำจากอัลลอฮ์ไปสู่หนทางที่เที่ยงตรง”[4]
นอกจากนี้ อัลมัจลิซีย์ ได้บักทึกในหนังสือ “บิหาร อัลอันวาร” ว่า อบูบักร, อุมัร, อุษมาน และ มุอาวียะห์ ล้วนเป็นชาวนรก[5]
พวกชีอะห์ ได้กล่าว(ดุอา)ในหนังสือของพวกเขาชื่อ อิห์กอก อัลหักฺ ของ อัลมัรอาชี ว่า : พรอันประเสริฐและความสันติสุขจากอัลลอฮ์จงมีแด่ท่านนบีมุหัมมัดและวงศ์วานของท่าน และการสาปแช่งจงมีแด่สองเจว็ดแห่งเผ่ากุเร็ช ผู้เป็นพ่อมดและมารร้าย และบุตรสาวของเขาทั้งสอง”[6] คนที่พวกชีอะห์หมายถึงคือ อบูบักรและบุตรสาวของท่าน อาอิชะฮ์, อุมัรและบุตรสาวของท่าน หัฟเศาะห์ รอฏิยัลลอฮ์ อันฮุม
อัลมัจลิซีย์ ได้บันทึกในหนังสือของเขาที่มีชื่อว่า “อัลฺอะกอเอ็ด” เขาได้กล่าวว่า สิ่งที่สำคัญในการนับถือชีอะห์อิมามิยะฮ์ คือ การนิกาห์มุตอะห์เป็นเรื่องหะลาล การทำฮัจญ์ตะมัตตุอฺ และการเป็นอิสระหรือห่างไกลจากบุคคลสามคน(คือ อบูบักร อุมัร และ อุษมาน), มุอาวียะห์, ยาซีด บิน มุอาวียะห์ และ ทุกคนที่ต่อสู้กับท่านเคาะลีฟะฮ์อาลี”[7]
ในวันอาชูรออฺ (วันที่สิบ เดือนมุหัรรอม) พวกเขาจะนำสุนัขมาตัวหนึ่ง และตั้งชื่อเป็นอุมัร หลังจากนั้นก็จะช่วยกันตีและขว้างปาสุนัขตัวนั้นด้วยไม้และก้อนหินจนตาย แล้วก็นำลูกแกะมาตัวหนึ่ง และตั้งชื่อเป็นอาอิชะฮ์ แล้วพวกเขาจะช่วยกันถอนขนและรุมทุบตีมันด้วยรองเท้าจนตายในที่สุด [8] นอกจากนี้ พวกเขายังจัดงานรื่นเริงเนื่องในวันที่อุมัร บิน อัลค็อตตอบ ถูกลอบฆ่าจนเสียชีวิต และพวกเขาได้ขนานนาม อบู ลุลูอะฮ์ อัลมะญูซีย์ ผู้เป็นฆาตกรว่า เป็น บาบา ชุญาอุดดีน (หมายถึงผู้กล้าแห่งศาสนา) [9] ขอ อัลลอฮ์ ทรงมอบความพอพระทัยแก่บรรดาเศาะหาบะฮ์และอุมมะฮาตุล มุอฺมินีน ทุกคน อามีน
พี่น้องมุสลิมที่รัก จงดูเถิด ว่าคนนอกศาสนาพวกนี้ได้แสดงความเคียดแค้นและปฎิบัติตัวเลวทรามอย่างไรต่อผู้คนที่ดีที่สุด หลังจากบรรดานบี พวกเขาเป็นบรรดาเศาะหาบะฮ์ที่อัลลอฮ์และ รสูลของพระองค์ได้ยกย่องให้เกียรติ ผู้ซึ่งประชาชาติทั้งหมดต่างให้การยอมรับในความเที่ยงธรรมและความประเสริฐของพวกเขา นอกจากนี้ประวัติศาสตร์และข้อเท็จจริงยังจารึกว่าพวกเขาเป็นชนรุ่นที่ดีที่สุด ชนผู้เป็นทัพหน้า และพลีชีพในการญิฮาดเพื่ออิสลาม
อ่าน หลักพื้นฐาน(อุศูล)ของอะฮ์ลิสสุนนะฮ์ฺ วั้ลญ่ามาอะฮ์ ต่อบรรดาศอฮาบะฮ.
*****
[1] ดู ฟุรูอฺ อัลกาฟีย์ โดย อัล กุลัยนีย์ หน้า 115
[2] ดูหนังสือ บิหาร อัลอันวาร โดย อัลมัจลิซีย์ (69/137-138) ข้อสังเกตหรือข้อเท็จจริงที่ต้องทราบประการหนึ่งก็คือ ท่านอาลี บิน อัล หุเส็น และอะฮ์ลิลบัยต์ ล้วนไม่เกี่ยวข้องกับกล่าวหาเช่นนี้ เรื่องนี้เป็นการกุขึ้นมาของ รอฟิเฎาะฮ์ทั้งสิ้น
[3] ดู ตัฟสีร ของ อัลกุมมีย์ (1/390)
[4] บิหาร อัลอันวาร โดย อัลมัจลิซีย์ (30/230)
[5] ดู อ้างอิงเดิม (30/236)
[6] อิห์กอก อัลหักฺ (1/337)
[7] อัลฺอะกอเอ็ด โดย อัลมัจลิซีย์ หน้า 58
[8] ดู ตับดีด อัลเซาะลาม วะตันบีฮ อัลนิยาม โดย เชค อิบรอฮีม อัล ญับฮาน หน้า 27
[9] ดู อัลกุนา วัล อัลฺกอบ โดย อับบาส อัลกุมมีย์ (2/55)