อะฮ์ลุลหะดีษยุคต้น เเละตำราปกป้องอะกีดะฮ์สะละฟีย์ของพวกเขา

อะฮ์ลุลหะดีษยุคต้นเเละตำราของปกป้องอะกีดะฮ์สะละฟีย์ของพวกเขา : อิหม่ามอะห์หมัด บิน ฮัมบัล

บทความนี้ถอดความมาจากการสอนของเชคอบูคอดียะฮ์ มักตะบะฮ์สะละฟียะฮ์
ในอรรถาธิบายหนังสือชัรฮุสุนนะฮ์ฺของอิหม่ามอะฮ์หมัด อิบนุ ฮัมบัล(ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮ์)

แปลโดย อบูจัสมิน [วันที่ 26 เมษายน 2564]

การสรรเสริญทั้งมวลเป็นกรรมสิทธิ์ของอัลลอฮ์, เราขอความช่วยเหลือและขออภัยโทษต่อพระองค์ เราขอต่ออัลลอฮ์ให้รอดพ้นจากความชั่วร้ายที่มาจากตัวเอง และรอดพ้นจากผลพวงจากความผิดพลาดในอดีต ผู้ใดก็ตามที่อัลลอฮ์ประสงค์ให้เขาได้รับทางนำ ย่อมไม่มีใครสามารถทำให้เขาหลงผิดได้ เเละผู้ใดก็ตามที่อัลลอฮ์ทรงประสงค์ให้เขาหลงผิด ย่อมไม่ใครให้ทางนำแกเขาได้ ฉันขอปฏิญานตนว่า ไม่มีพระเจ้าอื่นได้ที่ควรคู่เเก่การเคารพภักดี นอกจากอัลลอฮ์เพียงผู้เดียวเท่านั้น และไม่มีการตั้งภาคีใดๆ ต่อพระองค์ และฉันขอปฏิญานตนว่าท่านนบีมุฮัมหมัด(ศ็อลลัลลอฮุอาลัยฮิวะซัลลัม) เป็นบ่าวเเละศาสนทูตของพระองค์

เเท้จริง คำพูดที่จริงที่สุดก็คือคัมภีร์ของอัลลอฮ์ เเละทางนำที่ดีที่สุดคือทางนำของท่านนบี(ซอลลัลอฮุอาลัยฮิวะซัลลัม) และสิ่งที่ชั่วร้ายที่สุดคือสิ่งอุตริกรรม ทุกอุตริกรรมนั้นคือบิดอะฮ์ และทุกบิดอะฮ์คือความหลงผิด เเละทุกความหลงผิดนั้นอยู่ในไฟนรก

เราเริ่มกันวันนี้ด้วย(บทเรียนจาก)หนังสือเล่มหนึ่ง ซึ่งได้รับการนำไปอรรถาธิบายกันอย่างมากมายโดยบรรดาปราชญ์อาวุโส และมันมีความสำคัญอย่างมากในปัจจุบัน ยิ่งในยุคของเรา ดังที่มันได้ถูกเขียนขึ้นโดยปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่เเห่งชนสะลัฟ เเละผ่านการถ่ายทอดความรู้สืบต่อกันมา ท่านคืออิหม่ามเเห่งอะลุสสุนนะฮ์ วัญญามาอะฮ์, อบู อับดิลลาฮ์ อะหมัด บิน มูฮัมหมัด บิน ฮันฮัล(ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮ์)

ก่อนที่เราจะเข้าไปยังการอรรถาธิบายงานเขียนที่ยิ่งใหญ่นี้ เราจะกล่าวถึงประวัติในบางเเง่มุมของปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่เเห่งอิสลามผู้นี้, อิหม่ามเเห่งอะฮ์ลุซสุนนะฮ์, อิหม่ามอะฮ์หมัด บิน ฮันบัล ความรู้เเละการสอนของท่าน, ลูกศิทย์ของท่าน, เเละปราชญ์ผู้เป็นอาจารย์ของท่าน อินชาอัลลอฮ์

การอรรถาธิบายนี้เราจะใช้หนังสือ อธิบายอุศูลุสสุนนะฮ์ฺ ของอิหม่ามอะฮ์หมัด บินยะฮ์ยา อันนัจมีย์ (ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮ์) เป็นหลัก ซึ่งท่านเป็นอุลามะอ์ผู้ยิ่งใหญ่ในยุคของเรา

เพื่อให้ได้รับประโยชน์มากขึ้น ฉันจะใช้หนังสือของอุลามะอ์ท่านอื่นจากบรรดาอิหม่ามในยุคของเรา เพื่อประกอบการอธิบาย ได้เเก่ อัลลามะฮ์ ชัยดฺ บินมุฮัมหมัด อัลมัดคอลีย์(ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮ์) และ อัลลามะฮ์ ร่อเบียะอฺ บินฮาดีย์ บินอุมัยรฺ อัลมัดคอลีย์ ปราชญ์ผู้ถือธงเเห่งญั้รฮ์วัตตะดี้ลเเห่งยุคของเรา(หะฟีซอฮุลลอฮ) และฉันขอหยิบยกคำพูดของปราชญ์ท่านอื่นๆ นำมาอธิบายเพิ่มเติม เพื่อสร้างความกระจ่างให้เเก่ผลงานนี้มากขึ้น

ดังที่ได้กล่าวไปก่อนหน้านี้ ความสำคัญของหนังสือนี้นั้น มันความยิ่งใหญ่กว่าหนังสือในปัจจุบัน เนื่องจากมันถูกเขียนขึ้น โดยปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่เเห่งอิสลามจากชนสะลัฟในยุคเเรก ผู้ปกป้องพรมเเดนสุนนะฮ์จากผู้รุกราน พวกอะฮ์ลุ้ลบิดอะฮ์ที่พยายามบ่อนทำลาย เเละท้าท้ายต่ออะกีดะฮ์อะลุสสุนนะฮ์ วั้ลญ่ามาอะฮ์ และอิหม่ามผู้ยืนหยัดเพื่อสัจธรรม ผู้นี้ก็คืออิหม่ามอะหมัด อิบนุฮัมบัล

ไม่มีข้อสงสัยใดๆ ว่าเรายังมีอุลามะอ์และบรรดาอิหม่ามในยุคของเรา เช่น เชคอัลเฟาซาน, เชคร่อเบียะอฺ, เชคอับดุลมุฮ์ซิน, และเชคอุบัยดฺ และท่านอื่นๆ (ขออัลลอฮ์ทรงปกปักษ์รักษาพวกท่านทั้งหลาย) ที่พวกเขามีทั้งคุณธรรมและความรู้อันทรงคุณค่า ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าชนรุ่นเเรก และความหลงผิดต่างๆ ในยุคของเรานั้นมีเพิ่มมากขึ้น เเละมีคนโง่เขลาในยุคนี้มากขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงเวลาของยุคสะลัฟก่อนหน้านี้ ดังนั้นบรรดาอุลามะอ์ในปัจจุบัน พวกเขาคือผู้ยืนหยัดเผยเเผ่ดะวะฮ์อันจำเริญนี้ เเละยังต้องพึ่งพาตำราของชนสะลัฟยุคต้น และนำตำราเหล่านั้นมาอธิบายเพื่อให้ความกระจ่างในอะกีดะฮ์ที่ถูกต้อง

บทนำ

อิหม่ามอะหมัด บินฮันบัล ได้กล่าวในบทนำของหนังสืออีกเล่มของท่าน ในหนังสืออะกีดะฮ์ชื่อว่า “อัรร้อด อะลั่ล ญะมีญะฮ์ วัซซานาดีเกาะฮ์(ตอบโต้พวกญะมียะฮ์และพวกซินดีก)

ความว่า : การสรรเสริญทั้งมวลเป็นกรรมสิทธิ์ของอัลลอฮ์, ผู้ซึ่งให้มีขึ้นในทุกยุคสมัย ตั้งเเต่ช่วงเวลาของศาสนทูต และยังคงมีอยู่หลังจากนั้น พวกเขาคือบรรดาผู้รู้ที่เรียกร้องชนผู้หลงผิด ให้หวนกลับมาสู่เเสงสว่างทางนำ , เเละพวกเขามีความอดทนต่อภัยอันตรายที่ได้ประสบ, บรรดาอุลามะอ์เหล่านี้คือผู้ให้มีชีวิต ด้วยคำภีร์ของอัลลอฮ์ผู้ทรงสูงส่ง เเก่ผู้ที่ได้ตายไปเเล้ว และให้การมองเห็น ด้วยเเสงสว่างจากอัลลอฮ์ เเก่ผู้ที่ตาบอด กี่มากเเล้วที่ถูกฆ่าตายโดยอิบลีส หลังจากชีวิตนั้นได้ถูกมอบให้เเก่เขา และกี่มากเเล้ว ผู้ที่ถูกชักจูงไปสู่ความหลงผิด หลังจากที่เขาได้รับทางนำ และคุณความดีที่พวกเขาได้รับนั้นมากมายเพียงใด และคน(ที่ต่อต้านสุนนะฮ์)นั้นเลวทรามเพียงใดต่อพวกเขา ผู้ที่ปฏิเสธต่อคัมภีร์ของอัลลอฮ์ ละเมิดขอบเขต ด้วยการบิดเบือนอันเป็นเท็จ และตีความอย่างโง่เขลา. ผู้ที่เป็นพรรคพวกกันบนการอุตริ บนรอยร้าว และฟิตนะฮ์ ผู้ที่ขัดเเย้งกันในเรื่องราวของคำภีร์เล่มนี้ เเละเห็นพ้องกันในการหันเหจากออกจากคำภีร์เล่มนี้ ผู้ที่พูดในเรื่องราวต่างๆ ของอัลลอฮ์ ในเรื่องอัลลอฮ์ และคำภีร์ของอัลลอฮ์โดยปราศจากความรู้ (จบคำพูด)

บทนำนี้ได้อธิบายถึงบทบาทของผู้รู้ ปราชญ์ในทุกยุคสมัย ตั้งช่วงแต่ยุคที่มีศาสนทูต และหลังจากท่านนบีของเรา(ศ้อลลัลลอฮุอาลัยฮิวะซัลลัม) ก็คือบรรดาอุลามะอ์ที่ปรากฏขึ้นในทุกยุคสมัย อย่างไม่ต้องสงสัย พวกเขาเรียกร้องผู้ที่หลงผิดให้หวนกลับมาสู่ทางนำ–ผู้ที่ได้รับทางนำจากอัลลอฮ์ ผู้ทรงสูงส่ง ผู้ทรงให้การมองเห็นเเก่ผู้ที่ตาบอด–เนื่องจากผู้ที่โง่เขลานั้นคือ คนตาบอด พวกเขาไม่มีความรู้, ความเข้าใจที่ถูกต้อง, ไม่มีบาซีเราะฮ์(หลักฐานอันชัดเเจ้ง) ดังนั้นผู้รู้ก็คือคนที่มาเปิดตาและหัวใจของพวกเขา กี่มากเเล้ว ผู้ที่ถูกฆ่าตายโดยอิบลีส? กี่มากเเล้วบรรดาผู้ที่หัวใจของเขาถูกฆ่าตายและโดนทำลายโดยพวกมัน? เเล้วจากนั้นอัลลอฮ์ก็ได้นำทางคนเหล่านั้นมาเจอกับปราชญ์, มาพบกับอิหม่ามเเห่งสุนนะฮ์ ซึ่งสิ่งนี้เเสดงออกมาให้เห็นจากคำพูดของอุลามะอ์เเห่งสุนนะฮ์ เช่น ท่านยุซุฟ อิบนุ อัสบัส ซึ่งพ่อเเละลุงของท่านเคยเป็นพวกรอฟิเฎาะห์และกอดารียะฮ์ เเต่อัลลอฮ์ ก็ได้ให้ทางนำเขาได้มาพบกับท่านซุฟยาน(ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮ์)

ดังนั้น อัลลอฮ์ได้ยกเกียรติของพวกเขาด้วยเเสงสว่างความเเห่งความรู้ เป็นดั่งเสาหลักและศูนย์รวม(เเห่งความรู้) พวกเขาเสียสละเวลา เเละอุตสาหะเพื่อผู้คน –ชี้เเนะทางนำเเก่ผู้ที่หลงผิด ด้วยอนุมัติของอัลลอฮ์ ผู้ที่หลงทางและกำลังเดินตามทางของซัยฏอน ไม่ว่าจากหมู่มนุษย์และญิน — ส่วนผู้ที่โง่เขลาเเละพวกบิดอะฮ์ พวกเขาคือผู้ที่ปฏิบัติต่อบรรดาอุลามะอ์อย่างเลวทราม ผ่านคำพูดของพวกเขา ซึ่งอุลามะอ์เหล่านี้ ก็คือผู้ที่ยึดมั่นตามเเนวทางของท่านนบี ดังที่นบี(ศ้อลลัลลอฮุอาลัยฮิวะซัลลัม) กล่าวว่า “บรรดาผู้ที่โดนทดสอบมากที่สุดคือบรรดานบี ถัดจากนั้นก็คือผู้ที่ดำเนินตามพวกเขา, ถัดจากนั้นก็คือผู้ที่ดำเนินตามพวกเขา” ดังนั้นอุลามะอ์คือผู้ที่ได้รับการทดสอบเช่นเดียวกับที่บรรดานบีเคยโดนทดสอบมาก่อน

อุลามะอ์ในยุคต้นของสะลัฟ ตั้งเเต่ปี่ที่หนึ่งร้อย, สองร้อย, เเละสามร้อยฮิจเราะฮ์ จนมาสู่ปีที่สี่ร้อยฮิจเราะฮ์ ถือเป็นปีทองเเห่งอิสลาม เป็นยุคที่มีหนังสือหะดีษเกิดขึ้นมากมาย ทั้งหนังสืออะกีดะฮ์และฟิกฮ์ถูกเขียนขึ้น และมีหนังสือศาสนาได้รับการรวบรวมขึ้น คือยุคของอิหม่ามบุคอรีย์, มุสลิม, อบู ดาวูด,ตีรมีซีย์, และอิบนุมาญะฮ์ และก่อนหน้าพวกเขาก็คือ อิหม่ามอะฮ์หมัด บิน ฮันบัล ท่านได้รวบรวมเป็นมุสนัดของท่าน และก่อนหน้านั้นอีก คืออิหม่ามมาลิกในการรวบรวมของท่านในมุวัตเฏาะอฺ ปราชญ์เหล่านี้ได้รวบรวมสายรายงานของชาวสะลัฟยุคต้น ซึ่งเป็นชาวสะลัฟที่ท่านนบี(ศ็อลลัลลอฮุอาลัยฮิวะซัลลัม) ได้กล่าวว่า “ชนที่ดีเลิศที่สุด คือ(ผู้ที่มีชีวิตอยู่ใน)ศตวรรษของฉัน หลังจากนั้นคือรุ่นถัดจากพวกเขา(ศควรรษต่อจากนั้น) หลังจากนั้นคือผู้รุ่นถัดจากพวกเขา(ศตวรรษต่อจากนั้น)”

มีหนังสืออะกีดะฮ์มากมายที่ปราชญ์เหล่านี้ได้เขียนขึ้น เพื่อรักษาความบริสุทธิ์ของศาสนานี้ และดำรงมั่นใว้คงเดิม และเพื่ออธิบายถึงอะกีดะฮ์ถูกต้องของมุสลิม ให้สอดคล้องกับกีตาบุลลอฮ์และสุนนะฮ์ ตามเเนวทางของบรรดาศอฮาบะฮ์(รอฎิยันลอฮุอันฮุม) และเพื่อตอบโต้อะฮ์ลุ้ลบิดอะฮ์

ส่วนหนังสือที่เราจะนำมาศึกษากัน -อินชาอัลลอฮ์- เขียนโดยอิหม่ามอะฮ์หมัด บินฮันบัล (เสียชีวิตปีฮิจเราะฮ์ 241) ซึ่งเป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งจากหนังสืออะกีดะฮ์เหล่านี้ หนังสืออุศูลุสสุนนะฮ์หรือรากฐานของสุนนะฮ์ ซึ่งคำว่า สุนนะฮ์ในที่นี้หมายถึงอะกีดะฮ์และมันฮัจญ์, อูศู้ล(รากฐาน)ของศาสนา, ซึ่งศาสนาต้องตั้งอยู่บนสิ่งนี้ ถ้าไม่มีสิ่งนี้ก็เท่ากับว่าไม่มีอิสลาม. ต่อไปนี้คือรายชื่อหนังสืออะกีดะฮ์บางส่วนที่เขียนโดยปราชญ์ในยุคสะลัฟ ชี้ให้เห็นการให้ความสำคัญต่อการชี้เเจงอะกีดะฮ์ที่ถูกต้อง เเละการตอบโต้พวกบิดอะฮ์ : ได้เเก่

หนังสืออั้สสุนนะฮ์ของท่านอั้ลอัศรอม(เสียชีวิตปีฮ.ศ.273), ท่านเป็นลูกศิทย์ของอิหม่ามอะฮ์หมัด, หนังสือกีตาบอัสสุนนะฮ์ของท่านอบูดาวูด อัสซิญิสตานีย์(เสียชีวิตปีฮ.ศ.275) ท่านเป็นผู้รวบรวมสุนัน, หนังสือกีตาบุสสุนนะฮ์ของท่านอิบนุอบีอะซิม(เสียชีวิตปีฮ.ศ.278), หนังสืออัสสุนนะฮ์วะอิอฺติกอดอุดดีน ของท่านอัลรอซียัยน์ เขียนโดยท่านอบู ซู้รอะฮ์ อัรรอซีย์ (เสียชีวิตปีฮ.ศ.277) และท่านอบูฮาติม อัรรอซีย์(เสียชีวิตปีฮ.ศ.264),หนังสืออัสสุนนะฮ์ ของท่านอัลมัรวาซีย์(เสียชีวิตปีฮ.ศ.292),หนังสือกีตาบุสสุนนะฮ์ของท่านอิบนุมาญะฮ์(เสียชีวิตปีฮ.ศ. 273),หนังสือซารีฮุสสุนนะฮ์ของอิหม่ามอิบนุญะรี้ร อัตเฏาะบารีย์(เสียชีวิตปีฮ.ศ. 310),หนังสืออัสสุนนะฮ์ของท่านอัลคอลลาล(เสียชีวิตปีฮ.ศ. 311),หนังสือชัรฮุสสุนนะฮ์ของอิหม่ามอัลบัรบาฮารีย์​(เสียชีวิตปีฮ.ศ. 329),หนังสืออัสสุนนะฮ์ของท่านอัลอัสซาล​(เสียชีวิตปีฮ.ศ.311),หนังอัสสุนนะฮ์ของท่านอัตฏอบารอนีย์(เสียชีวิตปีฮ.ศ.360) และยังมีอีกมากมาย

ยังมีหนังสืออะกีดะฮ์บางเล่ม ที่ไม่ได้ใช้คำว่า “สุนนะฮ์ฺ” ในการตั้งชื่อเเต่ยังคงเป็นหนังสือในด้านอะกีดะฮ์ ตัวอย่างหนังสือเหล่านี้ ได้เเก่ หนังสือกีตาบุตเตาฮี้ดของท่านอิบนุคุซัยมะฮ์​(เสียชีวิตปีฮ.ศ.311), หนังสือกิตาบุลอิหม่านของท่านอิบนุมาญะฮ์​(เสียชีวิตปีฮ.ศ.359), หนังสืออัชชารีอะฮ์ของอิหม่ามอัลอาญูรีย์​(เสียชีวิตปีฮ.ศ.360), หนังสืออะกีดะฮ์ตุสสะลัฟ อัสฮาบุลหะดีษ ของท่านอัสศอบูนีย์​(เสียชีวิตปีฮ.ศ.449), ชัรฮ์อุศู้ลเอี้ยะติกอดอะฮ์ลุสุนนะฮ์วั้ลญะมาอะฮ์ ของอิหม่ามอัลลาลิกาอีย์ (เสียชีวิตปีฮ.ศ. 418), หนังสืออัลอิบานะตุสซุกรอและอัลกุรอฮ์ของท่านอิบนุบัตเตาะฮ์​(เสียชีวิตปีฮ.ศ.387)

เเละยังมีหนังสืออื่นๆ ในด้านอะกีดะฮ์ ที่เขียนขึ้นเพื่อตอบโต้เเนวคิดที่หลงผิดโดยเฉพาะ เเสดงถึงเเนวทางสะลัฟอย่างชัดเจนว่า เเนวทางของชาวสะลัฟคือการชี้เเจงอะกีดะฮ์ที่ถูกต้อง และตอบโต้วิจารย์ อะลุลบิดอะฮ์ พวกอุตริเเหวกเเนว. ตัวอย่างหนังสือเหล่านี้ได้เเก่ หนังสืออัรร้อดอะลั่ลญะมีญะฮ์ วัสซานาดิเกาะฮ์(ตอบโต้พวกญะมียะฮ์และพวกซานาดิเกาะฮ์)ของอิหม่ามอะหมัด, หนังสือนักดูอุสมานบินซาอี้ด อะลัลมาริซีย์ อัลญะฮ์มีย์ อัลอะนี้ด ฟิ มัฟตารอ อะลัลลอฮี มัน อัตเตาฮี้ด ของอิหม่ามอัดดารีมีย์ (เสียชีวิตปีฮ.ศ.280) ซึ่งหมายถึง การชี้เเจงตอบโต้จากอุสมาน บินซาอี้ด ต่ออัลมาริซีย์ผู้ดื้อรั้นในการกุคำโกหกใส่อัลลอฮ์ในเรื่องเตาฮี้ดของพระองค์”​

ปราชญ์เหล่านี้ พวกเขาคือ อะฮ์ลุ้ลหะดีษที่เเท้จริง(ชาวหะดีษ) ดังที่อิหม่ามอะฮ์หมัดได้กล่าวใว้เมื่อท่านถูกถามว่าใครคือ กลุ่มชนที่รอดพ้น ท่านตอบว่า “หากไม่ใช่อะฮ์ลุ้ลหะดีษเเล้ว,ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเป็นใครไปได้อีก”

พวกเขาคือ ฏออิฟะมันศูเราะฮ์ (กลุ่มชนที่ได้รับการช่วยเหลือ) เป็นกลุ่มชนที่ยืนหยัดอยู่บนสัจธรรม ดังที่ถูกกล่าวถึงในหะดีษของท่านนบี(ศ้อลัลลอฮุอาลัยฮิวะซัลลัม)

“لا تزال طائفة من أمتي على الحق ظاهرين لا يضرهم من يخذلهم حتى يأتي أمر الله”

“จะยังมีกลุ่มหนึ่งจากประชาชาติของฉัน ที่พวกเขายืนหยัดอยู่บนสัจธรรมที่ถูกต้องนี้ ไม่มีใครสามารถทำอันตรายเเก่พวกเขาได้ จนกระทั่งบัญชาของอัลลอฮ์มาถึง” (รายงานโดยอัตติรมีซีย์)

ท่านอะลีย์ อัลมาดานีย์(ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮ์) สหายของอิหม่ามอะฮ์หมัด กล่าวว่า ฎออิฟะฮ์มันศูเราะฮ์ คือบรรดาผู้รู้เเละนักรายงานหะดีษ(อะฮ์ลุลอาลิม วัลอะษั้ร) พวกเขาคือผู้สืบทอดความรู้ที่ถูกต้อง และมีอะกีดะฮ์ที่บริสุทธิ์ เช่นเดียวกับที่บรรดาศอฮาบะฮ์จำนวน 114,000 ท่าน ยังยึดมั่นอยู่หลังจากการเสียชีวตของท่านนบี(ศ้อลลลัลอฮุอาลัยฮิวะซัลลัม)

จุดยืนของชาวสะลัฟต่ออะฮ์ลุลบิดอะฮ์:

เกี่ยวข้องกับอายะฮ์หนึ่งในซูเราะฮ์อะลีย์อิมรอน:

يَوْمَ تَبْيَضُّ وُجُوهٌۭ وَتَسْوَدُّ وُجُوهٌۭ

“วันซึ่งบรรดาใบหน้าจะขาวผ่อง และบรรดาใบหน้าจะดำคล้ำ..” (3:106)

ท่านอับดุลลอฮ์ อิบนุ อับบาส เเละอับดุลลอฮ์ อิบนุ อุมัร(รอฮิมะฮุมุลลอฮ์) กล่าวว่า ใบหน้าที่จะหมองคล้ำนั้นเป็นใบหน้าของพวกบิดอะฮ์, พวกหลงผิด, และพวกที่เเตกเเยกจากเเนวทางที่ถูกต้อง. ท่านอบุฮะติม อั้รรอซีย์ กล่าวว่า “สัญลักษณ์ของพวกบิดอะฮ์คือการที่พวกเขาจาบจ้วงล่วงเกินอะฮ์ลุลอะษั้ร”

อะหมัด บิน ซินาน อัล-กอฏอน กล่าวว่า “ไม่มีนักอุตริกรรมคนใดในดุลยา เว้นเเต่ เขาจะต้องเกลียดชังต่อชาวหะดีษ ดังนั้น เมื่อมีใครก่ออุตริกรรมขึ้นในศาสนานี้ ความหอมหวานของหะดีษจะหลุดออกจากหัวใจของเขา”

ท่านกุตัยบะฮ์ บิน ซาอี้ด กล่าวว่า “ใครก็ตามที่ขัดเเย้งกับอะฮ์ลุลหะดีษ พึงรู้เถิดว่าเขาคือพวกบิดอะฮ์”

ท่านอบูอุสมาน บิน อิสมาอีล อัสศอบูนีย์ กล่าวว่า “จากสัญลักษณ์ที่ชัดเจนของอะฮ์ลุ้ลบิดอะฮ์ และคุณสมบัติที่เด่นชัดที่สุด คือการเป็นปฏิปักษ์อย่างรุนเเรงต่อผู้รายงานหะดีษจากศาสนทูต(ศ็อลลัลลอฮุอาลัยฮิวะซัลลัม) ทั้งเกลียดชังต่อเเละดูหมิ่นพวกเขา”

ท่านอัยยุบ อัสซักติยานีย์ กล่าวว่า “ฉันไม่รู้ว่าใครบ้างในตอนนี้มาจากอะฮ์ลุลอะฮ์วา(พวกที่หลักการของเขาคล้อยตามอารมณ์) นอกจากว่าเขาผู้นั้นจะโต้เถียงด้วยกับสิ่งที่คลุมเครือจากวะฮีย์”

ในยุคของเรา เชคอิบนุ อุษัยมีน (ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮ์) ได้กล่าวว่า สัญลักษณ์ที่เด่นชัดของอะฮ์ลุ้ลบิดอะฮ์ คือ

  1. พวกเขาก่อุตริกันขึ้นมาเเล้วอ้างว่ามาจากอิสลามเเละสุนนะฮ์ ไม่ว่าด้านคำพูด การกระทำ เเละความเชื่อ
  2. พวกเขายึดตามความเห็นของพวกเขาอย่างมืดบอด เเละพวกเขาจะไม่หวนกลับสู่สัจธรรม เเม้ว่ามันจะกระจ่างชัดเเก่พวกเขาเเล้ว
  3. พวกเขาเกลียดชังต่อปราชญ์เเห่งอิสลามเเละศาสนานี้

ท่านวากิอฺ ซึ่งเป็นเชคท่านหนึ่งของอิหม่ามอะฮ์หมัด(รอฮิมะฮุลลอฮ) กล่าวว่า “ใครที่เเสวงหาหะดีษ เพียงเพื่อมาเสริมความคิดที่เขาอุตริขึ้น เขาคือพวกบิดะฮ์”

ที่มา : https://www.salafisounds.com/an-introduction-to-the-book-usul-us-sunnah-foundations-of-the-sunnah-of-imam-ahmad-bin-hanbal-rahimahullah-by-abu-khadeejah-abdul-wahid/