ชีวประวัติของอิหม่ามอะหมัด อิบนุ ฮัมบัล,อิหม่ามเเห่งอะลุสสุนนะฮ์ ตอนที่ 1/10

เสริมความรู้ด้านมันฮัจญ์ ผ่านชีวประวัติของอิหม่ามอะหมัด อิบนุ ฮัมบัล, อิหม่ามเเห่งอะลุสสุนนะฮ์ (161-241 ฮิจเราะฮ์) ตอนที่ 1/10

คัดจากอรรธถาธิบายหนังสืออูศู้ลลุสสุนนะฮ์ ของอิหม่ามอะหมัด อิบนุ ฮัมบัล
โดยอบูคอดียะฮ์ อับดุลวาฮีด จากมักตะบะฮ์สะละฟียะฮ์
แปลโดย อบูจัสมิน

[26​ กรกฏาคม 2564]

การสรรเสริญทั้งมวลเป็นกรรมสิทธิ์ของอัลลอฮ์ เราขอสรรเสริญต่อพระองค์, ขอความช่วยเหลือ เเละขออภัยโทษต่อพระองค์ในความผิดบาปที่เกิดขึ้นภายในจิตใจเเละการกระทำของเราเอง ผู้ใดที่อัลลอฮ์ทรงสงค์ให้เขาได้รับทางนำ ย่อมไม่มีผู้ใดทำให้เขาหลงผิดได้ เเละผู้ใดที่อัลลอฮ์ประสงให้เขาหลงผิด ย่อมไม่มีผู้ใดให้ทางนำเเก่เขาได้ ฉันขอปฏิญานตนว่า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดที่คู่ควรเเก่การเคารพภักดี นอกจากอัลลอฮ์เพียงผู้เดียวเท่านั้น ไม่มีการตั้งภาคีอื่นใด นอกจากเคารพอิบาดะฮ์ต่อพระองค์เเละฉันขอปฏิญานตนว่าท่านนบีมูฮัมหมัด-ศ้อลลัลลอฮุอาลัยฮิวะซัลลัม-เป็นบ่าว เเละศาสนทูตของพระองค์ 

อนึ่ง : บทความนี้จะกล่าวถึงชีวประวัติอิหม่ามเเห่งอะฮ์ลุซสุนนะฮ์ อบูอับดิลลาหฺ อะหมัด อิบนุ ฮัมบัล-ขออัลลอฮ์ทรงประทานความเมตตาเเก่ท่านด้วยเถิด- กระผมได้เพิ่มเติมในบทความนี้ด้วยอายะฮ์อัลกุอ่าน, หะดีษ, คำพูดของอุลามะอ์ เเละเเผนที่ เพื่อเสริมข้อมูลให้บทความมีคุณค่ามากยิ่งขึ้น

พื้นที่เพียงเล็กน้อยตรงนี้อาจไม่พอ หากจะสาธยายถึงคุณความดี เเละความเป็นมาของปราชญ์ผู้นี้ – อย่างไรก็ตาม ก็ถือว่าเพียงพอเเล้วสำหรับเราที่จะคัดเอามาเพียงบางช่วง บางตอนที่สำคัญในชีวิตของท่าน เเละด้วยการนี้หากสิ่งใดเป็นความดี นั้นย่อมมาจากอัลลอฮ์ -ผู้ทรงมหาจำเริญ ผู้ทรงสูงทรง- ทว่า จุดใหนมีข้อผิดพลาด ก็ถือว่าเราคือลูกหลานของอาดัม ย่อมมีความผิดพลาด เเละผู้ทรงสมบูรณ์แบบที่สุด คืออัลลอฮ์-ซุบฮานะฮูวะตะอาลา- ทั้งด้านพระนามเเละคุณลักษณะของพระองค์

ฐานะและคุณความดีของอิหม่ามผู้นี้ ไม่สามารถถูกปิดบังจากผู้ใดได้ แม้กระทั่งผู้ที่ไม่เคยศึกษาถึงชีวประวัติของท่าน ย่อมเป็นที่ทราบดี หากชื่ออิหม่ามผู้ยิ่งใหญ่นี้ถูกกล่าวถึง

ท่านคือ อิหม่ามอะฮ์หมัด อิบนุ ฮัมบัล-ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮ์ -ขออัลลอฮ์ทรงประทานความเมตตาเเก่ท่านด้วยเถิด- ชื่อเต็มของท่านคือ อบูอับดิลลาหฺ อะหมัด อิบนุ มุฮัมหมัด อิบนุ ฮัมบัล อิบนุ ฮิลาล อิบนุ อะซ้าด อัช-ชัยบานี จากเผ่า ชัยบาน(บะนี ชัยบาน) ซึ่งก็คือท่านชัยบาน อิบนุ ซุ้ฮ์ฮุล และจากเผ่าบานี บักร อิบนุ วาอิล อิบนุ ฮิมบฺ, ต้นสายตระกูลของท่านสืบทอดมาจากท่านอะซ้าด อิบนุ นิซ้าร อิบนุ มะอ้าด อิบนุ อั้ดนาน. ดังนั้น ท่านเป็นลูกหลานเเห่งอั้ดนานีย์ และต้นสายตระกูลของท่านสืบสาวไปถึงท่านนบี-ศ้อลลัลลอฮุอาลัยฮิวะซัลลัม- คือ ท่านอิบนุ นิซ้าร อิบนุ มะอ้าด อิบนุ อั้ดนาน-ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮ์- 

ปราชญ์นามอุโฆษผู้นี้ถือกำเนิดมาในฐานะของเด็กกำพร้า ท่านไม่เคยได้พบกับบิดาของท่าน ส่วนมารดาของท่านอพยพมาจากเมืองมัรวะฮ์(ประเทศเติร์กเมนิสถานในปัจจุบัน) ขณะที่นางกำลังตั้งท้อง ท่านเกิดในที่เเบกเเดด ได้รับการเลี้ยงดูเเละศึกษาหาความรู้ที่นั่น ท่านได้อาศัยที่นั่น และเสียได้ชีวิตที่นั่น – ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮ์- ท่านเกิดในเดือนรอบิอุลเอาวัล ปีฮิจเราะฮ์ที่ 164  เเละเสียชีวิตในเดือนรอบิอุลเอาวัล ปีที่ฮิจเราะฮ์ 241   อายุของท่าน 77 ปี อุลามะอ์ที่มีชื่อเสียงท่านอื่น เช่น อิหม่ามอัล-บุคอรีย์​ ท่านเกิดในเดือนเชาวาลและเสียชีวิตในเดือนเชาวาล (ปี 256 ฮิจเราะฮ์) ผู้รู้ต่างกล่าวว่า เป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์ เดือนที่พวกเขาเกิด เป็นเดือนเดียวกับที่เสียชีวิต 

เเผนที่โลกอิสลามในปีคริสศักราชที่ 740 (ปีฮิจเราะฮ์ที่ 132) เพียง 30 ปี ก่อนการเกิดของอิหม่ามอะหมัด อิบนุฮัมบัล ในเเผนที่นี้มีหลายเเห่งเป็นที่มีชื่อเสียงที่ปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่อาศัยอยู่ หรือเดินทางไป เช่น เมืองบุคอรอ,ซามารคอน, มัรวฺ, คูรอซาน, อัสบาฮาน, บอลคฺ, บัสเราะฮ์, เเบคเเดด ฯลฯ

อิหม่ามอะหมัด-ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮ์- ได้รับการเลี้ยงดูในฐานะเด็กกำพร้า เเม่ของท่านเป็นผู้อบรมสั่งสอน เเละบ่มเพาะนิสัยท่านจนเป็นชายผู้มีสติปัญญาฉลาดหลักเเหลม (ด้วยอนุมัติของอัลลอฮ์) ถูกสั่งสอนให้มีมารยาทที่ดีงาม อบรมท่านให้อยู่บนอิหม่านเเละความยำเกรงตั้งเเต่ยังเด็ก กระทั่งท่านเป็นผู้ที่จรรยามารยาทงดงามเป็นที่สุด จนนางมั่นใจว่าท่านนั้นได้รับการศึกษาและท่องจำอัลกุรอานตั้งเเต่เยาววัย และอัลลอฮ์ทรงปกปักษ์รักษาท่านให้อยู่บนความดีงาม ตั้งเเต่เด็กจนกระทั่งท่านอายุสิบหกปี ท่านก็เริ่มศึกษาในด้านหะดีษ, ด้วยความมุมานะ จริงจัง ตั้งใจเเสวงหาความรู้นับตั้งเเต่นั้นเป็นต้นมา. 

จนท่านเปี่ยมด้วยความรู้ในระดับของปราชญ์ อิหม่ามผู้ทรงความรู้ ฐานะของท่านขณะนั้นคือ ปราชญ์ผู้เลืองชื่อในสังคม ขณะเดียวกัน ท่านยังเป็นเเบบอย่างในด้านความพอเพียง, สมถะ ท่านมีทักษะความรู้ในศาสตร์เเห่งการวิเคราะห์ผู้รายงานหะดีษของท่านนบี เเม้ในช่วงฟิตนะฮ์ “อัลกุรอานถูกสร้าง” เเพร่ ท่านยังคงยืนหยัดเเละอดทน ในช่วงเวลานั้น จนทำให้ท่านบรรลุถึงความเพียร และความอดทนในขณะที่ต้องเผชิญกับความยากลำบาก อัลลอฮ์ทรงทดสอบผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์จากปวงบ่าวของพระองค์ เเละอัลลอฮ์ทรงเลือกท่าน ให้ศาสนาของพระองค์เป็นที่ประจักษ์ด้วยท่าน เนื่องด้วยจุดยืนที่เเน่วเเน่ของท่าน จากการยืนหยัดนี้คำพูดของท่านจึงได้รับการสรรเสริญ

พระองค์ทรงทดสอบท่าน เพื่อให้ผู้คนได้เห็นผู้ว่าใดสัจจริง เเละผู้ใดยืนหยัดบนเส้นทางเเห่งสัจธรรม. เเละเพื่อให้เห็นถึงความยุติธรรม เเละความเมตตาของพระองค์ เป็นที่ประจักษ์ต่อผู้คนทั้งหลาย. อัลลอฮ์ทรงทำให้ศาสนาของพระองค์เป็นที่พระจักษ์โดยผ่านท่าน พระองค์ทรงทำให้มันง่าย ด้วยกับท่าน สำหรับผู้เเสวงหาสัจธรรม พระองค์ทรงทำให้มันชัดเเจ้ง จากข้อคลุมเครือทั้งหลายผ่านท่าน พระองค์ทรงทำให้หลักฐานทั้งหลายชัดเเจ้งเเด่เหล่าชนผู้ปฏิเสธ

และพระองค์ทรงทำลายบิดอะฮ์ทั้งหลาย ผ่านท่าน เเละทรงทำให้สุนนะฮ์เป็นที่ประจักษ์ด้วยกับท่าน. ทั้งหมดเหล่านี้ มีผู้ช่วยเหลือท่านเพียงน้อยนิด เนื่องจากคุณลักษณะที่น่าทึ่งนี้ จึงทำให้ท่านมีความประเสริฐเหนือผู้อื่น  เราขอดุอาอฺต่อพระองค์ ให้ทรงประทานความเมตตาเเต่ท่าน หวังว่าท่านจะได้รับผลตอบเเทนที่ยิ่งใหญ่ ในปรโลก เนื่องด้วยที่ท่านทำงานรับใช้ศาสนานี้

พี่น้องทั้งหลายอย่าได้ประหลาดใจในคำชื่นชมที่มีต่ออิหม่ามอะหมัด-ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮ์-หากท่านรวบรวมชมเชยจากบรรดาอุลามะอ์ทั้งหมดในสิ่งที่พวกเขาพูดถึงเกี่ยวกับอิหม่ามอะหมัด ท่านสามารถเขียนออกมาเป็นตำราได้เป็นเล่มๆ สิ่งนี้คือความโปรดปราณจากอัลลอฮ์-ซุบฮานะฮูวะตะอาลา-ที่มีต่อท่าน

ท่านอบุลอับบาส มุฮัมหมัด ฮุซัยนฺ อิบนุ อับดุรเราะฮ์มาน อัล-อัมตานี-ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮ์-ปราชญ์ผู้เลื่องลือในสาขาหะดีษ กล่าวว่า “เราได้นั่งร่วมกับยะฮ์ยา อิบนุ มะอีน(เสียชีวิตปีฮิจะเราะฮ์ที่ 233) นักฮาฟิซผู้ยิ่งใหญ่,และอุลามะอ์อาวุโสหลายท่าน(อัล-กิบ้าร อั้ล-อุลามาอฺ)...” คำนี้ถูกใช้มาตั้งเเต่ยุคก่อน,ทั้งคำว่ากิบ้าร อั้ลอุลามาอฺ(ปราชญ์อาวุโส) และอัลฮุฟฟาซ หรือนักท่องจำสายรายงาน เเละผู้รู้ในด้านหะดีษ. ท่านกล่าวต่อไปว่า “เเล้วพวกเขาก็เริ่มยกย่องชมเชยอิหม่ามอะหมัด,พวกเขาเริ่มกล่าวถึงความประเสริฐของท่านในวงสนทนานั้น” มีบางคนกล่าว “อย่าได้รู้สึกว่ามันมากไปกับการยกย่องชมเชยท่านครั้งเเล้วครั้งเล่า” ท่านยะฮ์ยา อิบนุมาอีน-รอฮิมะฮุลลอฮ-ท่านก็เริ่มเคืองที่มีคนกล่าวเช่นนั้น เเล้วท่านหันไปพูดกับชายคนนั้นว่า “การยกย่องชมเชยอิหม่ามอะหฺหมัด มันมากไปกระนั้นหรือ?!. เเท้จริงหากเรามารวมตัวกันตรงนี้ เพื่อยกย่องชมเชยอะหมัด อิบนุ ฮัมบัล, ก็ยังไม่สามารถที่จะกล่าวถึงความประเสริฐของท่าน ให้สมกับฐานะที่ท่านเป็นได้เลย.” ด้วยเหตุนี้ การยกย่องชมเชยอิหม่ามอะหฺหมัดไม่ถือว่ามันมากไป โดยเฉพาะเมื่อคำชมเชยนั้นมาจากปากบรรดาปราชญ์ด้วยกัน ซึ่งเป็นปราชญ์เเห่งทางนำ อัลลอฮ์ทรงยกฐานะพวกเขาด้วยกับศาสนาของพระองค์

ดังนั้น ท่านก็จะพบคำพูดของปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ในหมู่เชคของท่าน ต่างยกย่องชมเชยท่านด้วยคำพูดที่สรรเสริญ. เเม้กระทั่งเชคของเชคอีกที ก็ยังยกย่องชมเชยท่าน! อบุลวาฮีด อัต-ตอยาลิซีย์(เกิดปีฮิจเราะฮที่ 133, เสียชีวิตปี 224) กล่าวว่า มีรายงานจากอิหม่ามอัลบุคอรีย์ กล่าวว่า : “หากอะห์หมัดอยู่ในหมู่ของบะนีอิสรออีล, พวกเขาก็คงจะเขียนชีวประวัติของท่านได้เป็นเล่มๆ” กล่าวคือ พวกเขาสามารถกล่าวถึงท่านในหนังสือของพวกเขา เช่นเดียวกับที่กล่าวถึงชีวประวัติของท่านนบีท่านอื่นๆ ตัวอย่างเช่น พวกเขาเขียนหนังสือที่กล่าวถึงนบีดาวูด และท่านอื่นๆ ในขณะที่อิหม่ามอะหมัด กล่าวถึงท่านว่า “อบุล วาลีด มีความเม่นยำในเรื่องสายรายงาน. ท่านอายุมากกว่า อิบนุ มะฮ์ดี สามปี อบุล วาฮีดในวันนี้เขาคือชัยคุลอิสลาม ในบรรดาปราชญ์หะดีษ ไม่มีใครปราดเปรื่องไปกว่าเขา” (ซีย้าร 10/342)

อิหม่ามอัลบุคอรีย์(เสียชีวิตปีฮิจเราะฮ์ที่ 256) ยังรายงาน คำพูดจากท่าน อบุลวาลีด อัตตอยาลาซี ที่ท่านกล่าวว่า “หากอะหฺหมัดอยู่ในหมู่บนีอิสรออีล,พวกเขาก็คงจะเล่าเรื่องอันน่าอัศจรรย์ของท่าน” ด้วยเหตุนี้ท่านจึงพบคำชมเชยมากมายที่มีต่ออิหม่ามอะฮ์มัด จากปราชญ์ผู้เลืองชื่อทั้งหลาย ดังนั้นไม่มีใครคิดว่าสิ่งนี้จะเป็นการเกินเลยเกี่ยวกับตัวท่าน คำพูดที่สะท้อนถึงอิหม่ามอะหมัด-ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮ์ ได้เป็นอย่างดี คือคำพูดของท่านอะลีย์ อัล-มะดีนะฮ์(เสียชีวิตปีฮิจเราะฮ์ที่ 235) กล่าวว่า : “อะหมัดคือปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ของเรา”

ท่านยังได้กล่าวอีกว่า “หลังจากศาสนทูตของอัลลอฮ์ไม่มีใครไปถึงยังระดับที่อะหมัดได้ไปถึงเลย” ท่านมัยมูนีย์-ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮ์- จึงถามว่า “เเม้กระทั่งท่านอบูบักร อัศศิดดิกหรือ? โอ้ท่านอบุลหะซัน” ท่านตอบว่า “ใช่เเล้ว เเม้กระทั้งท่านอบูบักร อัศศิดดิก” ท่านรู้สึกประหลาดใจกับคำพูดนี้หรือไม่ ? เเล้วอะไรคือเหตุผลในคำพูดของท่านอะลีย์ อัลมาดินีย์​ ? ท่านอธิบายถึงคำพูดนี้ว่า “เเท้จริงท่านอบูบักร อัศศิดดิก มีผู้อยู่เคียงข้างท่าน เเละให้การช่วยเหลือในเหตุการณ์อิรติด้าด(ผู้คนออกจากอิสลาม) ในขณะที่อะหมัด ไม่มีทั้งผู้อยู่เคียงข้างท่านและผู้ให้การช่วยเหลือท่าน” อิหม่ามอะหมัดอดทนอย่างเดียวดายในวันที่ต้องประสบบททดสอบในเรื่องอัลกุรอาน ท่านถูกบังคับให้กล่าวว่ามันเป็นสิ่งถูกสร้าง.​ท่านอะลีย์ อัลมาดีนีย์-ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮ์- ยังกล่าวอีกว่า “อัลลอฮ์ช่วยเหลือศาสนานี้ด้วยมือของชายสองคน, ไม่มีคนที่สาม. คืออบูบักร ในเหตุการณ์อิรติด้าดและอะหมัด อิบนุ ฮัมบัล ในฟิตนะฮ์เมี๊ยะนา.” โดยไม่มีข้อสังสย ดังนั้น อัลลอฮ์ได้สถาปนาศาสนาของพระองค์ผ่านอิหม่ามอะหมัดในยุคของท่าน

ในทุกบททดสอบและฟิตนะฮ์อัลลอฮ์ทรงดูเเลปกป้องผู้ที่ช่วยเหลือศาสนของพระองค์

ท่านอิสหาก อิบนุ รอฮูยา (เสียชีวิตปีฮิจเราะฮ์ที่ 238) กล่าวว่า “อะหมัด อิบนุ ฮัมบัล คือหลักฐาน ระหว่างอัลลอฮ์ กับบ่าวของพระองค์ในดุลยานี้” เช่นเดียวกับที่ท่านกุตัยบะฮ์ อิบนุ ซาอี้ด อัลบัฆลานีย์ (เสียชีวิตปีฮิจเราะฮ์ที่ 240) ท่านเป็นนักท่องจำ ท่านได้พูดเสริมถึงอิหม่ามอะหมัด-รอฮิมะฮุลลอฮ-ว่า “อะหมัดคืออิหม่ามเเห่งดุลยานี้” มีครั้งหนึ่งท่านพูดถึงบรรดาตาบิอีน เเละท่านพูดถึงอิหม่ามอะหมัดพร้อมกับพวกเขา มีบางคนถามท่านว่า “ท่านได้รวมเอาอะหมัดในการกล่าวถึงตะบิอีนด้วยหรือ” ท่านตอบว่า “ใช่เเล้ว ในหมู่ตาบิอีนผู้ยิ่งใหญ่”

ไม่ใช่เพียงเเค่กล่าวชื่อของท่านในหมู่ของตะบิอีน เเต่อยู่ในระดับของตะบิอีนอาวุโส ท่านกล่าวอีกว่า “หากอะหมัด อิบนุ ฮัมบัล อยู่ในยุคของซุฟยาน อัษเษารีย์(เสียชีวิตปีฮิจเราะฮ์ 161),ท่านเอาซาอีย์(เสียชีวิตปีฮิจเราะฮ์ 147),ท่านมาลิก(เสียชีวิตปีฮิจเราะฮ์ 179),และท่านลัยท์ อิบนุ ซาด(เสียชีวิตปีฮิจเราะฮ์ 175) ท่าน(อะหมัด)ย่อมนำหน้าพวกเขา” ท่านยังได้กล่าวอีกว่า “ไม่มีใครสามารถทัดเทียมอิหม่ามอะหมัด”

กล่าวคือ เมื่อท่านกล่าวถึงอิหม่ามอะหมัดในฐานะปราชญ์ จากนั้นก็กล่าวถึงท่าน[ในระดับความรู้เเละความเข้าใจของท่าน,ความกล้าหาญ,เเละการยืนหยัด] ท่านยังได้เสริมว่า “หากไม่ใช่สำหรับอะหมัด,ศรัทธาอันเเรงกล้าย่อมสูญสิ้นไป ณ ที่นั่น ไม่มีใครยิ่งใหญ่ไปกว่าอะหมัด ท่านเป็นผู้รับใช้มวลหมู่มุสลิม เเละจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับมุสลิมทุกคนที่จะต้องขอการอภัยโทษให้เเก่ท่าน” อัลลอฮ์ทรงปกปักษ์รักษาศาสนาของพระองค์ผ่านมือของอิหม่ามอะหมัด, เเละปกป้องอะกีดะฮ์อะลุสสุนนะฮ์ วั้ลญะมาอะฮ์ ผ่านท่าน ตลอดเรื่อยมาหลังจากท่าน, โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลานั้น เช่นเดียวกับคำพูดของท่านซาการียา อิบนุ ยะฮ์ยา อัส-ซาญี อัล-บัศรีย์ (เสียชีวติปีฮิจเราะฮ์ที่ 307) อิหม่ามอัลฮาฟิซ ผู้เชี่ยวชาญในด้านการค้นหาสายรายงานบกพร่องที่ซ่อนอยู่ ผู้เขียนหนังสือกีตาบบุลอิลาลอันเลียงชื่อ ท่านกล่าว่วา “​อะหมัด อิบนุ ฮัมบัล ในมุมมองของฉัน ท่านมีความประเสริฐกว่าอิหม่ามมาลิก(เสียชีวิตปีฮิจเราะฮ์ที่ 179),ท่านเอาซาอีย์(เสียชีวิตปีฮิจเราะฮ์ที่ 157),ท่านอัษเษารีย์(เสียชีวิตปีฮิจเราะฮ์ที่ 161) และอิหม่ามอัชชาฟิอีย์(เสียชีวิตปีฮิจเราะฮ์ที่ 204)” มีคนถามท่านว่า “ทำไมครับ?” ท่านตอบว่า “พวกเขาทั้งหมดเสมอกันกัน,ส่วนอะหมัดไม่มีใครเทียบได้” ที่กล่าวเช่นนั้นเพราะเรารู้อิหม่ามาลิกอยู่ในมะดีนะฮ์ อัชชาฟิอีย์ในขณะนั้นอยู่ในอิรัค อัลเอาซาอีย์อยู่ในซีเรีย และอัลลัยต์ อยู่ในอิยิปต์ ท่านทั้งหมดต่างอยู่ใกล้เคียงกัน ซึ่งก่อนหน้านั้นอิหม่ามอัชชาฟิอีย์ อยู่ในอิยิปต์ พวกเขาก็ต่างใกล้ชิดซึ่งกันเเละกัน อิหม่ามชาฟิอีย์อยู่ใยอิยิปต์ จากนั้นก็กลับไปอาศัยอยู่นั่น ต่างคนต่างอาศัยอยู่ในเเคว้นของตัวเอง, ส่วนอิหม่ามอะหมัด ท่านไม่จำกัดอยู่ในขอบเขตหรือเมืองใด. อย่างไรก็ตามบรรดาปราชญ์ทั้งหมดนี้ ล้วนเป็นหลักฐานพิสูจน์ระหว่างพระองค์เเละสิ่งที่พระองค์ทรงสร้าง -ขออัลลอฮ์ทรงเมตตาท่านปราชญ์เหล่านี้ด้วยเถิด-

เมื่ออิหม่ามอะหมัดถูกเฆี่ยน ในช่วงที่ท่านถูกบททดสอบและโดนจับขังคุก ผู้คนต่างนิ่งเงียบเนื่องจากความกลัว ท่านบิชร อิบนุ ฮาริษ​ อัล-ฮะฟี(เสียชีวิตปีฮิจเราะฮ์ที่ 227) ถูกถามว่า “ท่านจะไม่พูด[เรื่องอัลกุรอาน ]เหมือนกับที่ท่านอะหมัดพูดออกไปหรือ?” คำตอบของท่านคือ “ฉันไม่สามารถพูดในสิ่งที่ไม่มีในตัวฉัน เเท้จริง อะหมัด ได้ยืนหยัด ดังเช่น การยืนหยัดของท่านนบี-ศ้อลลัลลอฮุอาลัยฮิวะซัลลัม” เช่นกัน คำพูดของท่านยะฮ์ยา อิบนุ มาอีน (เสียชีวิตปีฮิจเราะฮ์ที่ 223) กล่าวว่า “พวกเขาต้องการให้เราเหมือนกับอะหมัด? หามิได้ ขอสาบานต่ออัลลอฮ์ เราไม่ทางเหมือนท่าน เรายังไม่เข้มเเข็งพอ เเท้จริงการยืนหยัดของท่านเหมือนกับการยืนหยัดของท่านนบี-ศ้อลลัลลอฮุอาลัยฮิวะซัลลัม- และนั่นคือความโปรดปราณของอัลลอฮ์ ที่พระองค์ทรงมอบมายังท่าน ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ เเละอัลลอฮ์คือผู้ทรงประทานผลตอบเเทนอันยิ่งใหญ่”

ท่านบิชร อัล-ฮาฟี ยังกล่าวว่า “ท่านถูกโยนลงไปในกองเพลิงเเห่งฟิตะฮ์ และท่านออกมาประหนึ่งทองคำอันเจิดจรัส” และในบางรายงาน “ท่านออกมาราวกับทองคำเเดง” เพราะเมื่อทองมันได้ถูกโยนไปในกองไฟ มันยิ่งเจิดจรัส เเละเปล่งรัสมี ด้วยไฟเเห่งการทดสอบที่พยายามจะเผาผลาญ แต่มันกลับไม่สามารถทำอะไรได้ ทว่ามันยิ่งทำให้ทองคำนั้น บริสุทธ์ เจิดจรัส เเละส่องสว่างขึ้นไปอีก ดังนั้น ในช่วงเวลาฟิตนะฮ์เเห่งอัลกุรอาน อิหม่ามอะหมัด ได้อดทนยืนหยัด เเละท่านทราบดีว่าท่านกำลังยืนอยู่บนสัจธรรม ซึ่งผู้ที่โดนทดสอบหนักที่สุดคือบรรดานบี ถัดจากนั้นคือผู้ที่เจริญรอยตามพวกเขามากที่สุด

มีรายงานจากท่านซะอ์ดิ อิบนิ อบีวักก๊อส ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ กล่าวว่า มีผู้ถามท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัม ว่า มนุษย์คนใดที่ถูกทดสอบหนักที่สุด ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ตอบว่า

     “บรรดาผู้ที่ถูกทดสอบหนักหนาสาหัสที่สุด คือ บรรดานบี ต่อจากนั้นก็คือ บรรดาผู้ที่มีฐานะลดหลั่นรองลงมาตามลำดับ  ดังนั้น บุคคลจะถูกทดสอบตามสถานะความเคร่งครัดในการนับถือศาสนา ของเขา (ความศรัทธา)  หากเขาก็ยึดถือศาสนาอย่างเข้มแข็ง การทดสอบของเขาก็หนักหน่วง  หากการยึดถือศาสนาของเขาไม่เข้มแข็ง การทดสอบของเขาก็จะเพลาลง  การทดสอบจะยังคงมีอยู่จนกระทั่งเขาผู้นั้นจะเดินเหินบนแผ่นดินโดยไม่มีบาปติดตัวอีกเลย (เนื่องจากบาปถูกลบล้างด้วยบททดสอบต่างๆ แล้ว)” (บันทึกโดย อิมามอัตติรมิซีย์ อิบนิมาญะฮ์ อัดดารีมีย์ และท่านอัตติรมิซีย์ กล่าวว่า เป็นหะดีษฮะซันซอเฮียะฮ์)

ดังนั้น ผู้ที่โดนทดสอบเหมือนกับท่านเหล่านั้นมากที่สุด คือผู้ที่ดำเนินตามเเนวทางของกัลยาชนยุคต้นในการเรียกร้องผู้คนสู่อัลลอฮ์ เเละเรียกร้องด้วยสิ่งเดียวกับที่พวกเขาเรียกร้องเชิญชวน อัลลอฮ์ทรงให้อิหม่ามอะหมัดเป็นผู้ยืนหยัดที่สุดในช่วงเวลานั้น ไม่มีใครยืนหยัดร่วมกับท่านเเม้จะมีผู้รู้มากมายในยุคนั้น

ที่มา: https://abukhadeejah.com/benefits-in-the-manhaj-by-studying-the-life-and-legacy-of-the-imam-of-ahlus-sunnah-ahmad-ibn-hanbal-161ah-241ah/


[อ่านต่อตอนที่ 2]