อิสลาม ตอนที่ 1 : แนะนำรู้จักอิสลาม และกำหนดการของอัลลอฮ์
อิสลาม : มุสลิมศรัทธาว่าอิสลามเป็นศาสนาของพระเจ้า(อัลลอฮ์)ที่ประทานมายังมนุษย์ ผ่านท่านนบีอาดัม เป็นท่านเเรก จากนั้นพระองค์ทรงประทานลงมาผ่านบรรดานบีทุกท่าน(ตั้งเเต่นบีนุฮ์จนถึงนบีอีซา) มาจนกระทั่งนบีท่านสุดท้าย คือท่านนบีมุฮัมหมัด (ศ้อลลัลลอฮุอาลัยฮิวะซัลลัม) ซึ่งท่านเกิดที่เมืองมักกะฮ์ เมื่อ 1,400 กว่าปีมาเเล้ว นิยามของศาสนาอิสลามคือ “การยอมจำนนต่ออัลลอฮ์ ด้วยการอิบาดะฮ์ต่อพระองค์เพียงผู้เดียวเท่านั้น การเชื่อฟังต่อพระองค์และออกห่างจากการกราบใหว้บูชาเจว็ดทั้งหลาย” มุสลิมที่ศรัทธาต่อสิ่งนี้อย่างบริสุทธิ์ใจ เขาจะพบกับชีวิตที่ผาสุขอย่างเเท้จริง ทั้งตัวเขาเเละตลอดชีวิตของเขา มุสลิมเชื่อว่าอิสลามคือศาสนาที่มาจากอัลลอฮ์ที่ทรงพระทานให้เเก่มวลมนุษยชาติ
เตาฮี้้ด(การศรัทธาในพระเจ้าองค์เดียว) : สิ่งนี้คือรากฐานของอิสลาม มันคือหลักศรัทธาพื้นฐานสำคัญ หมายถึง : 1.การอิบาดะฮ์ต่ออัลลอฮ์เพียงองค์เดียวเท่านั้น และจะต้องละทิ้งพระเจ้าจอมปลอมทั้งหมด ทั้งเจว็ดรูปปั้น,เทวดา,ภูตผี หรือสิ่งมีชีวิตอื่นๆ 2.พระองค์คือผู้ทรงสร้าง ผู้ทรงบริหารจัดการทุกสรรพสิ่ง เป็นผู้ทรงดูเเลค้ำจุนสิ่งที่พระองค์ทรงสร้างทั้งหมด 3.พระองค์ทรงมีพระนามอันสวยงาม เเละมีคุณลักษณะที่สูงส่ง เป็นเอกลักษณ์เฉพาะพระองค์เท่านั้น ไม่สิ่งถูกสร้างใดเสมอเหมือนพระองค์
อัลลอฮ์ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ทรงตรัสในอัลกุรอาน ความว่า
“ แท้จริงศาสนา ณ อัลลอฮ์นั้นคือ อัลอิสลาม”1
“ผู้ศรัทธาทั้งหลาย ! จงเชื่อฟังอัลลอฮ์ และเชื่อฟังร่อซูลเถิด.”2
“และผู้ใดเล่าจะมีศาสนา ดียิ่งไปกว่าผู้ที่มอบใบหน้าของเขาให้แก่อัลลอฮ์ ”3
เมื่อผู้ใดปรารถนาจะเป็นมุสลิม เขาจะต้องกล่าวปฏิญานตนว่า “ฉันขอปฏิญานตนว่า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดควรคู่เเก่การเคารพภักดีนอกจากอัลลอฮ์เท่านั้น เเละฉันขอปฏิญานตนว่า ท่านนบีมุฮัมหมัดเป็นบ่าวเเละศาสนทูตของพระองค์” มุสลิมจะต้องปฏิบัติตามท่านนบีมุฮัมหมัด(ศ้อลลัลลอฮุอาลัยฮิวะซัลลัม) เเต่ห้ามเคารพบูชาต่อท่าน ตลอดชีวิตของบรรดามุสลิมจะต้องให้อัลลอฮ์มาก่อนทุกสิ่งทุกอย่าง ดังที่อัลลอฮ์ทรงตรัสในอัลกุรอาน ความว่า “และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์มาเพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า“
และอัลลอฮ์ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ทรงตรัสในอัลกุรอาน ความว่า
“1. จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) พระองค์คืออัลลอฮ์ผู้ทรงเอกะ 2. อัลลอฮ์นั้นทรงเป็นที่พึ่ง 3. พระองค์ไม่ประสูติ และไม่ทรงถูกประสูติ 4. และไม่มีผู้ใดเสมอเหมือนพระองค์”4
“อัลลอฮ์นั้นคือไม่มีผู้ที่เป็นที่เคารพสักการะใด ๆ ที่เที่ยงแท้ นอกจากพระองค์เท่านั้น ผู้ทรงมีชีวิต ผู้ทรงบริหารกิจการทั้งหลายโดยที่การง่วงนอน และการนอนหลับใด ๆ จะไม่เอาพระองค์ สิ่งที่อยู่ในบรรดาชั้นฟ้าและสิ่งที่อยู่ในแผ่นดินนั้นเป็นของพระองค์”5
หากเขาอิบาดะฮ์และเชื่อฟังต่อพระองค์ พระองค์ก็จะให้พวกเขาได้เข้าสวรรค์ และจะได้รับการปกป้องจากการลงโทษในไฟนรก มุสลิมจำเป็นจะต้องยอมรับ ไม่ว่าสิ่งใดเกิดขึ้นกับเขา มันมาจากการกำหนดอัลลอฮ์ทั้งสิ้น หมายความว่า หากเขาประสบกับความทุกกข์ยาก มุสลิมต้องเชื่อว่า : 1.อัลลอฮ์นั้นทรงทราบดีในสิ่งเขากำลังประสบอยู่นั้น เพราะอัลลอฮ์ คือ ผู้ทรงรอบรู้ในทุกสิ่ง ทุกอย่าง 2.พระองค์เป็นผู้ทรงกำหนดให้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมาทั้งหมด จนกระทั่งถึงวันเเห่งการตัดสิน 3. พระองค์เป็นผู้ทรงประสงค์ให้ทุกอย่างเกิดขึ้น 4.พระองค์เป็นผู้ทรงสร้างทุกสิ่งทุกอย่าง ทั้งดีเเละร้าย ดังนั้น พระองค์เป็นผู้อนุมัติให้มันเกิดขึ้นโดยมีเหตุผลที่เหมาะสมสำหรับพระองค์ และด้วยความรอบรู้ของพระองค์ เเม้ว่าผู้คนจะไม่ทราบถึงเหตุผลที่เเท้จริง
เเสดงให้เห็นว่ามุสลิมนั้น จำเป็นที่จะต้องมอบหมายต่อพระเจ้าของเขา เเละเชื่อมันว่าพระองค์เท่านั้น คือผู้ทรงควบคุมทุกสิ่งทุกอย่าง สิ่งนี้เป็นเหตุผลที่มุสลิมจะต้องกล่าวว่า “อินชาอัลลอฮ์” (หากพระองค์ทรงประสงค์) เมื่อเขาสัญญาว่าจะทำสิ่งใด เพราะเขาทราบดีว่า สิ่งนั้นจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่ออัลลอฮ์ประสงค์ให้มันเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม มุสลิมจะต้องเชื่อว่าอัลลอฮ์ ปล่อยให้บ่าวของพระองค์เลือกอย่างอิสระไม่ว่าจะถูกหรือผิด พระองค์ทรงอนุมัติให้เขาเลือกได้อย่างตามความต้องการของเขา
จากโองการเหล่านี้ เเสดงให้เห็นว่า ทุกคนมีสิทธิ์เลือกกระทำได้อย่างอิสระ เเต่ยังเป็นไปตามที่อัลลอฮ์ทรงประสงค์ ดังนั้นทุกคนมีอิสระในการอิบาดะฮ์ต่ออัลลอฮ์ ตามความต้องการของเขา [เช่นที่พวกเขาถูกสั่งใช้จากคำสอนในอัลกุรอาน] และพวกเขาก็มีอิสระที่จะทำความชั่ว ตามความต้องการของเขา [ซึ่งเป็นข้อห้ามสำหรับพวกเขาจากคำสอนในอัลกุรอาน]
“สำหรับบุคคลในหมู่พวกเจ้าที่ประสงค์อยู่ในทางอันเที่ยงตรง และพวกเจ้าจะไม่สมประสงค์สิ่งใดเว้นแต่อัลลอฮ์พระเจ้าแห่งสากลโลกจะทรงประสงค์” 6
"ไม่มีทุกข์ภัยอันใดเกิดขึ้น เว้นแต่ด้วยอนุมัติของอัลลอฮ์ และผู้ใดศรัทธาต่ออัลลอฮ์พระองค์จะทรงเปิดหัวใจของเขา (สู่แนวทางที่ถูกต้อง) และอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงรอบรู้ทุกสิ่งอย่าง"7
มีกลุ่มหลงผิดเกิดกลุ่มหนึ่งที่เกิดขึ้นในยุคต้นของอิสลาม รู้จักกันในชื่อ “กลุ่มญับรียะฮ์” พวกเขาอ้างว่า มนุษย์ไม่มีอิสระในการเลือกตามความต้องการของตัวเอง เเละพระเจ้าเป็นผู้กำหนดใว้เเล้วว่าเขาจะทำดีหรือชั่ว ในขณะที่ชาวอะฮ์ลุสสุนนะฮ์ฺ(ผู้ที่เจริญรอยตามเเนวทางของท่านนบี และบรรดาศอฮาบะฮ์ของท่าน) ตอบโต้ว่า ความเชื่อดังกล่าวขัดเเย้งกับอัลกุรอานเเละเเนวทางของท่านนบี และมองว่ามันไม่ยุติธรรม ทำไมพระเจ้าต้องลงโทษเขาในนรก ซึ่งเป็นผู้ที่พระองค์ทรงบังคับให้เขาทำบาป ? ดังนั้น ทุกคนมีสิทธิ์เลือกว่าจะทำดีหรือทำชั่ว
ขณะเดียวกันยังมีอีกกลุ่มหนึ่งที่เกิดขึ้นมา รู้จักกันในชื่อ “กลุ่มก้อดดารียะฮ์” พวกเขาปฏิเสธกำหนดการของอัลลอฮ์.เชื่อว่าอัลลอฮ์ไม่ได้ประสงค์หรือควบคุมการกระทำของมนุษย์ เเละพวกเขาเชื่อว่าทุกคนสามารถกระทำสิ่งใด ตามที่เขาเลือก โดยไม่เกี่ยวข้องกับกำหนดของอัลลอฮ์ ชาวอะฮ์ลุสสุนนะฮ์ฺ โต้เเย้งว่าสิ่งดังกล่าวว่าสิ่งนี้ขัดเเย้งอย่างชัดเจนกับอายะฮ์อัลกุรอานที่ยืนยันว่าพระประสงค์ของอัลลอฮ์ครอบคลุมทุกสิ่งทุกอย่างที่พระองค์ทรงสร้าง เเละไม่มีสิ่งใด ทั้งในชั้นฟ้าเเละเเผ่นดิน เกิดขึ้นได้นอกจากมาความประสงค์ของพระองค์เท่านั้น
ดังนั้น ชาวอะฮ์ลุซสุนนะฮ์ อยู่ระหว่าง กลุ่มญับรียะฮ์ ที่อ้างว่ามนุษย์ไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจอะไรได้อย่างเสรี เเละกลุ่มก้อดดารียะฮ์ ที่อ้างว่า ไม่มีกฏกำหนดการใดๆ ทั้งสิ้น ในขณะที่ชาวอะฮ์ลุซสุนนะฮ์ ศรัทธาว่า อัลลอฮ์ทรงให้มนุษย์มีอิสระในการเลือกระหว่างความดีเเละความชั่ว(เเละพวกเขาจะต้องถูกสอบสวนในสิ่งที่กระทำ) และอัลลอฮ์ทรงรู้ดีในสิ่งที่พวกเขาจะกระทำ พระองค์ทรงบันทึกใว้เเล้ว, พระองค์เป็นผู้ทรงกำหนดมัน, พระองค์เป็นผู้ทรงสร้างมนุษย์และการกระทำของเขา
อัลลอฮ์ : เป็นคำในภาษาอาหรับเพื่อใช้เรียกพระเจ้าผู้ทรงสูงส่ง.พระเจ้าองค์เดียวที่เคารพอิบาดะฮ์
แบบฝึกท้ายบท :
- ให้ศึกษาความหมายเเละความสำคัญของคำว่า : อิสลาม,มุสลิม,เตาฮี้ด,อัลลอฮ์,เเล้วจดลงในสมุด ปิดสมุดเเล้วลองท่องจำความหมาย
- จงอธิบายว่าเหตุใดมุสลิมจะต้องพูดว่า “อินชาอัลลอฮ์” เมื่อเขาจะสัญญา ?
- อิสลามสอนใว้อย่างไร เมื่อสิ่งเลวร้ายเกิดขึ้นในชีวิต ?
- ความศรัทธามีผลทั้งกับการกระทำเเละทัศนะคติ การเชื่อว่าพระเจ้าเป็นผู้ควบคุมทุกสิ่งทุกอย่าง นั้นมีผลต่อทัศนะคติในการดำเนินชีวิตของมุสลิมอย่างไร ?
- เหตุใดจึงไม่มีใครมั่นใจได้อย่างเเน่นอนว่าเขาจะทำตามที่สัญญาใว้ได้ ?
เรียบเรียงโดย อบูคอดียะฮ์ อับดุลวาฮีด
จากเว็ปไซต์ abukhadeejah.com
แปลโดย อบูจัสมิน
[18 มกราคม 2565]
อ้างอิง