เชคมูฮัมหมัด อามาน อัล-ญามีย์ เกี่ยวกับโรคระบาด และโรคเรื้อน
- โดย เชคมูฮัมหมัด อามาน อัล-ญามีย์ -ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮ์-
- อธิบายเพิ่มเติมโดย เชคอบูอิย้าด อัมจ้าด รอฟิก จากมักตะบะฮ์ สะละฟียะฮ์ เบอร์มิ่งเเฮม
– จบการศึกษา วิทยาศาสตรบัณฑิต สาขา Medicinal Biochemistry
– จบ PhD(ดร.) ในสาขา Biochemistry จากมหาวิทยาลัย ESSEX ประเทศอังกฤษ
– เป็นลูกศิทย์เชคอุบัยดฺ อัลญาบิรีย์, เชคอับดุลลอฮ์ อัลบุคอรีย์, เชครอเบี๊ยะ อิบนุฮาดีย์ เเละปราชญ์ท่านอื่นๆ
คำเเนะนำจากเชครอเบี๊ยะ อิบนุฮาดียฺอัลมัดคอลีย์ -ขออัลลอฮ์ทรงปกป้องท่านด้วยเถิด- ต่ออบูคอดียะฮ์ท่านอื่นๆ เเละมักตะบะฮ์สะละฟียะฮ์ : https://www.salafisounds.com/short-advice-from-al-allamah-rabee-ibn-haadee-al-madkhalee/
คำแนะนำจากเชคอุบัยดฺ อั้ลญาบิรีย์ -ขออัลลอฮ์ทรงปกป้องท่านด้วยเถิด- ต่อมักตะบะฮ์สะละฟียะฮ์ ให้รับความรู้จาก อบูคอดียะฮ์ ,อบูอิย้าด ,และ อบูฮะกีม
http://www.bakkah.net/en/wp-content/uploads/2015/09/maktabah-salafiyyah-shk-ubayd.mp3
- แปลโดย อบูจัสมิน

เชคอบูอิย้าด กล่าวว่า :
วันนี้ฉันได้รับไฟล์เสียงของเชคมุฮัมหมัด อามาน อัล-ญามียฺ -ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮ์- ขออัลลอฮ์ทรงประทานความเมตตาท่านด้วยเถิด- ที่ท่านพูดในประเด็น โรคระบาด ขอบคุณพี่น้องท่านหนึ่งที่นำมาให้ฉันพิจารณา ซึ่งมาสนับสนุนทัศนะของสะลัฟ ที่อิบนุ ฮะญัร. -ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮ์- เลือกทัศนะดังกล่าว
เชค -ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮ์- กล่าวว่า :
คำพูดของท่านนบี -ศ้อลลัลลอฮุอาลัยฮิวะซัลลัม- ที่ว่า: “ไม่มีโรคระบาดใด, “ และการกำชับของท่านนบี –ศ้อลลัลลอฮุอาลัยฮิวะซัลลัม- ให้หนีจากผู้ป่วยโรคเรื้อน ราวกับว่าท่านจะหนีจากสิงโตตัวหนึ่ง และ(อีกหะดีษ) อย่าได้นำอูฐป่วย ไปเดินคลุกคลีกับอูฐตัวอื่นที่สุขภาพดี เเละนั้นคือสองประการ… เเละ(ที่นบีบอกว่า) อย่าได้เข้าไปยังดินเเดนที่มีโรคระบาดใหญ่(ตออูน) บรรดาผู้รู้มีความเห็นที่เเตกต่างกันในประเด็นที่จะสอดประสานรายงานเหล่านี้เข้าด้วยกัน เเละทั้งหมดล้วนหะดีษที่ศอเฮี๊ยหฺ(ถูกต้อง)
ซึ่งเเยกออกเป็นสองทัศนะ
ทัศนะเเรก : (จากหะดีษ)ที่ว่า “ไม่มีโรคระบาดใด,” เพื่อปฏิเสธ(การเกิด)โรคที่มันระบาดจากคนนึงไปสู่คนอื่น,ด้วยตัวของมันเอง และ(การเกิด)การระบาดของเชื้อโรคผิวหนังจากอูฐตัวหนึ่งไปสู่ตัวอื่น ด้วยตัวมันเอง โดยไม่เชื่อว่ามันมาจากอัลลอฮ์ ซุบฮานะฮุวาตะอาลา เป็นผู้กระทำสิ่งนั้น(ให้เเพร่ระบาด) และการเชื่อเช่นนี้เป็นชิรกฺ
ส่วนผู้ที่เชื่อว่าการคลุกคลีระหว่างคนสุขภาพดีกับคนป่วย เช่นการคลุกคลีของอูฐ(สุขภาพดี)กับอูฐป่วยที่มีเชื้อโรคผิวหนัง การปะปนนี้อาจจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผู้ที่สุขภาพดี ได้รับผลจากผู้ป่วยนั้น เช่นเดียวกับการป่วยของอูฐที่ป่วยด้วยโรคผิวหนัง และเขาเชื่อว่าเป็นเพียงสาเหตุหนึ่ง การเชื่อเช่นนี้ย่อมไม่สงผลร้าย(ต่ออะกีดะฮ์)
ด้วยเหตุนี้ ท่านนบี จึงได้ห้าม หรือ สั่งใช้ให้หนีจากคนเป็นโรคเรื้อน เหมือนกับหนีจากสิ่งโตตัวหนึ่ง นี่คือความหมายหนึ่งที่อุลามะอ์บางท่านได้ยึดถือ
ไฟล์เสียง : http://cv2020.s3.amazonaws.com/audio/aman-jami-contagion.mp3
ตรงนี่เป็นมุมมองที่เชื่อมโยงกับการกำหนดของอัลลอฮ์ (กอดั้ร) ที่เกี่ยวพันกับอัลลอฮ์ ในประเด็นการ “การระบาด” ของโรคจากคนหนึ่งสู่อีกคนหนึ่ง และดังที่เราได้อธิบายไปเเล้วในมุมมองที่อิหม่ามอัลบัยฮะกีย์ ยึดถือ เเละบทความอื่นๆ ก่อนหน้านี้ ยังไม่ใช่เเกนหลักสำคัญของประเด็น เเม้ว่ามันจะมีความถูกต้องในตัวมันเองยุเเล้ว ยิ่งกว่านั้น ชาวอาหรับทั่วไป พวกเขายอมรับในอัลกอดั้ร ด้วยเหตุนี้ การจำกัดเรื่องนี้ไว้เเค่ประเด็นอัลกอดั้ร ย่อมไม่ถูกต้อง บกพร่อง ยังไม่เพียงพอต่อการอธิบายในสิ่งที่ชาวสะลัฟยึดถือ
ดู “ทัศนะของอิหม่ามอบูบักร อัล-บัยฮะกีย์ (เสียชีวิตปีฮิจเราะฮ์ที่ 458) ในเรื่องโรคระบาด” —20 ธันวาคม 2020. http://cv2020.s3.amazonaws.com/contagion-bayhaqi.pdf
ยิ่งกว่านั้น เป็นการสร้างความสับสนให้เเก่เเก่นหลักของประเด็นนี้ หรือไม่เกี่ยวข้องกันกับสาเหตุของมัน
จากนั้นเชคมุฮัมหมัดอามาน อัลญามีย์ ก็เริ่มอธิบายทัศนะที่ท่านนำเสนอด้วยการอ้างอิงทัศนะของฮาฟิซ อิบนุ ฮะญัร เเละยังเป็นทัศนะของท่าน อบูอุบัยดฺ อัล-กอซิม,ท่านอิบนุ กุซัยมะฮ์, ท่านอัฏเฏาะฮาวีย์,ท่านอัฏ-เฏาะบะรีย์,ท่านอิบนุ อัลบัร และท่านอื่นๆ ได้กล่าวไปเเล้ว เเละจากทัศนะต่างๆ เเละท่าน ได้ยกทัศนะนี้
เชค-ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮ์-กล่าวต่อไปว่า
[ทัศนะที่สอง] และอัลอิหม่าม อัลฮาฟิซ อิบนุ หะญัร ยึดถือทัศนะหนึ่งที่เเตกต่างออกไปจากทัศนะดังกล่าว.ท่านกล่าวว่า ที่มาของหะดีษที่ว่า “ไม่มีโรคระบาดใด,ไม่มีลางร้าย ..” กล่าวคือ โรคจะไม่มีการเเพร่ระบาดจากผู้ป่วยคนหนึ่ง ไปยังคนอื่น
เราอธิบายสิ่งนี้,ผ่านคำอธิบายของท่านอิบนุ อับดุล อัล-บัรร, เเละเป็นคำพูดท่านนบี -ศ้อลลัลอฮุอาลัยฮิวะซัลลัม ที่เน้นย้ำว่าว่า :

“ไม่มีสิ่งใดส่งผ่าน(จากสิ่งหนึ่ง)ไปสู่สิ่งหนึ่ง”
เพราะเหตุของการเกิดโรคนั้นคือสิ่งเกิดขึ้นมาใหม่,ไม่มีการ “ระบาด” หรือ “ส่งผ่าน” เพราะอะอฺร้อด(สถานะต่างๆ,สภาวะต่างๆ ,คุณสมบัติต่างๆ) เป็นสิ่งที่ไม่มีการส่งผ่าน, เป็นการเกิดขึ้นมาใหม่, สร้างขึ้นใหม่ในร่างกาย, ด้วยเหตุปัจจัยต่างๆ ของเขา(อั้สบ้าบ)
และปัจจัยเกิดโรคนั้นจะไม่ส่งผ่านจากคนหนึ่งไปสู่อีกคน แต่เป็นการเกิดโรคขึ้นใหม่ในตัวเขา ด้วยเหตุปัจจัยทั้งหมดที่ถูกนำมารวมกัน โดยอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงกระทำให้มันมารวมกัน เกิดขึ้นในเเต่ละคน หรือสัตว์เเต่ละตัว ตามเวลาเเละสถานที่หนึ่ง และสิ่งนี้ก็เป็นความจริงตามมุมมองของนักระบาดวิทยา เเม้ว่าเราจะยอมรับในข้อสันนิษฐานการปะปนกัน เเต่เหตุของมันมีเเต่จะนำไปสู่ความสับสน เเละคลุมเครือ
ไม่มี “การระบาดใด” ของโรค เเต่เป็นการสร้างให้เกิดขึ้นใหม่ของปัจจัยเกิดโรค ส่วนการ “ระบาด” เหตุของมันยังมีข้อจำกัดในความไวต่อสภาพเเวดล้อม เเละความสามารถในการอยู่รอด. ที่มองเห็นว่าเป็นการ “เเพร่” ที่พูดกันนั้น มาจากความนึกคิด, การตัดสินบนความนึกคิด, เเต่ในความเป็นจริงทางกายภาพ. ไม่มีสิ่งใดสามารถถ่ายทอด,หรือส่งต่อ, หรือส่งโรคของเขาไปยังคนอื่น. ซึ่งสิ่งนี้กลับถูกนำมาพิจารณาร่วม เเละสร้างความสับสนต่อสาเหตุของมัน
เชค -ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮ์- กล่าวต่อไปว่า
ยิ่งกว่านั้น ท่านบี -ศ้อลลัลลอฮุอาลัยฮิวะซัลลัม- กำชับใช้ให้หนีจากผู้ป่วยโรคเรื้อน เพื่อที่ว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อ ผู้ที่อิหม่านอ่อนเเอ เนื่องด้วยที่เขาไปปะปนกับผู้ป่วยโรคเรื้อน เเละเขาเกิดป่วยขึ้นด้วยกำหนดการของอัลลอฮ์ แต่เขากลับคิดว่าโรคภัยใข้เจ็บ ได้เเพร่ระบาดมายังเขาจากคนที่เป็นโรคเรื้อน จนทำให้เขาตกไปสู่สิ่งที่ต้องห้าม
ดังนั้นนี่คือประเด็นของการสับสนกับสาเหตุที่เกิดขึ้น จนเขาทึกทักไปว่าเป็นโรคระบาด เเละพูดเกินเลยเกี่ยวกับมัน ซึ่งจริงๆ การที่เขาป่วยนั้นมาจากกำหนดของอัลลอฮ์(กอดั้ร) หมายความว่า เป็นไปตามสาเหตุ(ต่างๆ), ซึ่งผู้ที่ป่วยโรคเรื้อนคนเเรกนั้น ไม่มีสิ่งใด “ระบาด” ไปยังเขาเลย เพราะโรคเรื้อน เกิดจากหลายปัจจัยที่ถูกนำมารวมกัน เข้าครอบคลุมเเละส่งผลต่อผู้คนในเวลาเเละสถานหนึ่ง ทั้งหมดล้วนเป็นสาเหตุของมัน ผู้ที่อ่อนเเอมันสามารถพัฒนาเป็นโรคหนึ่งในตัวเขา และการเข้าไปคลุกคลีระหว่างพวกเขาเป็นเเค่สาเหตุอันเล็กน้อย เมื่อเทียบกับสาเหตุที่เเท้จริงของมัน
ท่านนบี -ศ้อลลัลลอฮุอาลัยฮิวะซัลลัม- ได้ชี้เเนะถึงปรากฏการณ์นี้ ด้วยการกำชับให้หลีกเลี่ยงการไปเผชิญกับสิ่งเหล่านี้ ซึ่งชักนำผู้คนไปสู่ฟิตนะฮ์ในด้านความเชื่อเกี่ยวกับโรคระบาด หรือการหาข้อบกพร่องเรื่องอัลกอดั้ร และอื่นๆ
เชค -ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮ์- ได้กล่าวต่อไปว่า :
เพื่อเป็นการกำชับไม่ให้เขาตกไปอยู่ในสิ่งต้องห้ามนี้ ท่านจึงได้ห้ามคนสุขภาพดีไปคลุกคลีกับคนป่วย และเอาอูฐที่ป่วยไปคลุกคลีกับอูฐสุขภาพดี รวมถึงการเข้าไปยังดินเเดนที่มีโรคระบาดใหญ่(ฏออูน) ดังนั้น เพื่อไม่ให้ผู้ที่อิหม่านอ่อนแอ ได้รับผลจากความเชื่อนี้ , ซึ่งสิ่งนี้เป็นชิรกฺ
ทัศนะนี้ เป็นทัศนะที่ฉันพอใจ, (เเละยัง)เป็นทัศนะของท่าน อัล-ฮาฟิซ อิบนุ ฮาญัร และถ้าหากมีทัศนะอื่นจากนี้ ก็ไม่มีปัญหาเเต่ประการใด
“ฉันพอใจกับทัศนี้” เพราะว่า ->
– เมื่อมันได้ถูกฉายภาพเป็นตัวอย่างมากมายในชีวิตจริง สถานการณ์ต่างๆ และสิ่งเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา
– มีกรณีตัวอย่างมากมายในหลายโรค เช่น โรคเพลลากร้า(pellagra), ลักปิดลักเปิด (Scurvy), เหน็บชา (Beriberi) ซึ่งมาจากความเชื่อผิดๆ ว่ามันเป็นโรคระบาด,
– เเละมีโรคมากมายที่ถูกเข้าใจว่าเป็นโรคระบาด, เเต่ในความเป็นจริงกลับตรงกันข้าม
– ซึ่งเป็นที่ทราบว่าโรคเหล่านั้น เกิดขึ้นได้ปกติ, มีช่วงเวลาของมัน, เช่น โรคเรื้อน ซึ่งในความเป็นจริงมันไม่ใช่โรคระบาด,
– เเละในความเป็นจริงนั้นเป็นการรวบรวมปัจจัยที่เป็นเหตุของการเกิดโรคที่มีอยู่รอบตัวประชากรทั้งหมด ในขณะที่การคลุกคลีไม่มีผลใด เป็นเพียงเเค่การสร้างภาพของโรคระบาดว่ามันมีอยู่
– เเละสิ่งเหล่านี้ทำให้คนเข้าใจผิด และชักนำผู้คนไปสู่ความเข้าใจผิด เเม้แต่ผู้ที่ฉลาดหลักเเหลมที่สุดในหมู่พวกเขาก็ตาม, นำไปสู่การยืนยันในเรื่องโรคระบาด ซึ่งในความเป็นจริงไม่มีสิ่งเหล่านี้อยู่
– เเละการให้คำอธิบายอย่างง่ายๆ ในเรื่องโรคระบาดมักนำไปสู่การมองข้ามสาเหตุที่เเท้จริงของการเกิดโรค ซึ่งมาจากกำหนดของอัลลอฮ์ (อั้ลกอดั้ร), ส่วนการระบาดนั้นเป็นเพียงข้อสันนิษฐานเเละภาพมโน,
– เเละอื่นๆ
-> ซึ่งเป็นมุมมองอันเกิดจากสามัญสำนึก เผยถึงรากฐานของความผิดพลาดที่เกิดขึ้น : สร้างความสับสนให้กับสาเหตุ และนี่เป็นสิ่งที่ท่านนบี -ศ้อลลัลลอฮุอาลัยฮิวะซัลลัม- อธิบายให้เเก่ชาวอาหรับเบดุอิน เมื่อท่านกล่าวว่า “เเล้วอะไรที่มันผ่านเข้าไปยังอูฐตัวเเรก ?”
เเล้วท่านนบี -ศ้อลลัลลอฮุอาลัยฮิวะซัลลัม- ก็ให้ทางนำด้วยการป้องกันความผิดพลาด ในการเอาสาเหตุที่ไม่ชัดเจนนี้มารวมกับสาเหตุที่เเท้จริง ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้
เชค -ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮ์- กล่าวต่อไปว่า
มีหลักฐานว่าท่านนบี -ศ้อลลัลลอฮุอาลัยฮิวะซัลลัม- ท่านไม่ได้หนีไปใหน ท่านยังใช้ภาชนะร่วมกับผู้ป่วยโรคเรื้อน และรับประทานอาหารร่วมกับเขา และยังปรากฏว่าชาวสะลัฟมากมายที่พวกเขาเคยสัมผัสโดยตรงกับคนป่วย เเละปรากฏในความเป็นจริงซึ่งสิ่งที่เราได้พบเห็นมา บางคนที่ล้างศพคนป่วยโรคเรื้อนโดยตรงด้วยมือของเขา ซึ่งมันจะทำให้เขาป่วยได้ เเต่เขาก็ยังเตรียมศพ ล้างศพ ด้วยมือของเขาเอง ซึ่งเรารู้จักคนเหล่านี้ เเละเขาก็ใช้ชีวิตอยู่อย่างปกติสุข เป็นสิบๆ ปี จนถึงปัจจุบัน และนี้คือสิ่งที่เราเคยประสบมา
*หะดีษนี้เป็นหะดีษฏออีฟ , แต่มีรายงานจากท่านอับดุลลอฮ บิน ญะฟัร รอฎิยันลอฮุอันฮุ กล่าวว่า : ฉันได้เห็นท่านอุมัร อิบนุ อั้ลคอตฏ้อบ ได้ขอภาชนะหนึ่งซึ่งในนั้นมีน้ำอยู่, และท่านมุฮัยกิบก็ดื่มจากมัน-ซึ่งท่านก็เป็นโรคเรื้อน-จากนั้น ท่านอุมัร ก็ดื่มจากมัน ท่านเจตนาเอาปากของท่านวางในจุด[ของภาชนะ]ที่ [ท่านมุอัยกิบ]วางปากของท่าน, เพื่อให้รู้ว่าการที่ท่านทำสิ่งนี้ เพราะท่านไม่ชอบให้[ความเชื่อ]ในเรื่องโรคระบาด เข้าไปอยู่ในจิตใจของท่าน”
ตามที่เราได้กล่าวไปเเล้วในบทความก่อนหน้านี้ : อิบนุ ฮะญัร อัล-อัสกอลานี ในเรื่องการปฏิเสธข้อยืนยันของหมอ เมื่อมันขัดเเย่งกับการรับรู้ของประสาททั้งห้า เเละประสบการณ์โดยตรง
ซึ่งเราได้รวบรวมหลักฐานต่างๆ จากหนึ่งร้อยปีที่ผ่านมา ทั้งจากประสบการณ์เเละงานวิจัย ในเรื่องโรค เรื้อน(Leprosy) ในหลายประเทศทั่วโลก ทั้งคำพูดจากผู้เชี่ยวชาญ และเจ้าหน้าที่ ซึ่งมันก็สนับสนุนสิ่งที่เชคได้ชี้เเจงไป.
เช่นเดียวกับหะดีษที่กล่าวถึงการกินอาหารร่วมกับผู้ป่วยโรคเรื้อน, เเม้เป็นหะดีษที่อ่อนหลักฐาน(เฎาะอีฟ) เเต่มีรายงานอื่นที่เกี่ยวข้องกับศอฮาบะฮ์
รายงานจากท่านอับดุลลอฮ บิน ญะฟัร รอฎิยันลอฮุอันฮุ กล่าวว่า : ฉันได้เห็นท่านอุมัร อิบนุ อั้ลคอตฏ้อบ ได้ขอภาชนะหนึ่งซึ่งในนั้นมีน้ำอยู่, และท่านมุฮัยกิบก็ดื่มจากมัน-ซึ่งท่านก็เป็นโรคเรื้อน-จากนั้น ท่านอุมัร ก็ดื่มจากมัน ท่านเจตนาเอาปากของท่านวางในจุด[ของภาชนะ]ที่ [ท่านมุอัยกิบ]วางปากของท่าน, เพื่อให้รู้ว่าการที่ท่านทำสิ่งนี้ เพราะท่านไม่ชอบให้[ความเชื่อ]ในเรื่องโรคระบาด เข้าไปอยู่ในจิตใจของท่าน” [ดู อัตตัมฮีด(1/53-55),อิบนุซะดฺ ในอัฏเฏาะบาก้อต(4/109-111) รายงานจากท่านมุฮัมหมัด บิน อิสหาก,เเละ ด อัล-ซีย้าร(2/491-492)]
และยังมีรายงานที่กล่าวถึงการกระทำของท่านอบูบักร เเละท่านอื่นๆ
เชค -ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮ์- กล่าวต่อไปอีกว่า
นอกจากนี้ การห้ามตรงนี้ เป็นการห้ามไม่ให้ไปปะปนคลุกคลี, ดังที่ฮาฟิช อิบนุ ฮะญัร ได้กล่าวใว้,เพื่อไม่ให้สิ่งนี้เป็นต้นเหตุ[แก่ผู้ที่]อิหม่านอ่อนเเอ, เมื่อเขาเกิดเจ็บป่วยขึ้นมาเอง หรืออะไรทำนองนี้ เเล้วเชื่อว่ามันเกิดจากการเเพร่ระบาดเนื่องจากเขาไปคลุกคลีกับผู้ป่วย เเละ(เชื่อว่า)โรคนั้นก็เเพร่ระบาดมายังเขา จากผู้ป่วยคนนั้น ทำให้เขาตกไปสู่ความเชื่อที่ต้องห้าม
ซึ่งท่านถือว่า ทัศนะนี้ ดีกว่าทัศนะอื่น ตามที่ฉันเข้าใจ เเละอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงทราบดีที่สุด จำเป็นสำหรับท่านที่จะต้องย้อนกลับไปยังคำพูดของอุลามะอ์ เนื่องจากประเด็นนี้ต้องย้อนดูรากฐาน ต่างๆ ของมัน
จบคำพูดของเชค
เราเคยนำเสนอคำพูดของปราชญ์ ซึ่งเป็นบทความเมื่อปี 2009, ได้เเก่ คำพูดของเชคบินบาซ, เชคอัลเฟาซาน,และท่านอิบนุ ฮะญัร และท่านอัฏ-เฏาะบะรีย์ เช่นเดียวกับชุดบทความล่าสุด ซึ่งรวบรวมคำอธิบายของปราชญ์เอาใว้ในประเด็นนี้
สุดท้ายเราขอจบด้วยคำพูดของท่านอิบนุ ฮะญัร ท่านกล่าวว่า :
[ทัศนะ] โรคนั้นจะไม่ระบาดด้วยธรรมชาติของมันทั้งสิ้น(อัสลัน,โดยพื้นฐานของมัน) นอกจากนี้ โรคภัยใข้เจ็บที่เกิดขึ้นกับผู้ใดก็ตาม, มันเกิดมาจากการที่อัลลอฮ์ -ซุบฮานะฮูวะตะอาลา- เป็นผู้สร้างให้เกิดขึ้นมาใหม่ในตัวเขา[แต่ละคน]. ด้วยเหตุนี้ ผู้คนมากมายที่ป่วยเป็นโรค เเล้วเขากล่าวว่ามันคือ ‘โรคระบาด’ ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่าคนสุขภาพดีที่อยู่ร่วมกับผู้ป่วยบ่อย ๆ เเต่ไม่มีผลอะไรกับเขาเลย, เเละยังเป็นที่น่าสังเกตว่ายังมีอีกหลายคนที่ไม่ได้เข้าไปปะปนอยู่ร่วมกับคนป่วย เเต่ทว่า โรคนั้นก็ยังเกิดขึ้นกับเขา และทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นนั้นมาจากการกำหนด(ตักดี้ร)ของอัลลอฮ์-ผู้ทรงสูงส่ง-ทั้งสิ้น เเละนี่ก็เป็น[ทัศนะที่ชัดเจนที่สุดเเล้ว]ในเรื่องโรคระบาด(อัดวะอฺ) สุดท้ายขอจบด้วยคำพูดของท่านนบี -ศ้อลลัลลอฮุอาลัยฮิวะซัลลัม- ท่านกล่าวว่า , “ไม่มีสิ่งใดส่งผ่าน(จากสิ่งหนึ่ง)ไปสู่สิ่งหนึ่ง” และที่ท่านนบี -ศ้อลลัลลอฮุอาลัยฮิวะซัลลัม- กล่าวว่า ” فَمَنْ أَعْدَى الأَوَّلَ – เเล้วอูฐตัวเเรกนั้นมันป่วยมาจากใคร?”, ซึ่งเราได้อธิบายไปเเล้ว”
ดู บาดั้ล อั้ลมาอูน ฟี ฟัดดั้ล อัฏฏออูน หน้าที่ 212-213
ซึ่งทัศนะของอิบนุ ฮะญัร สนับสนุน มุมมองเเละทัศนะของท่าน
–อบู อุบัยดฺ อัล-กอซิม บิล ซัลลัม,
–อิหม่ามอัตเฏาบารีย์
–อิบนุ คุซัยมะฮ์
–อิหม่าม อัฏเฏาะฮาวีย์
–อิบนุ อับด์ อัลบ้าร
–และท่านอื่นๆ, – ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮ์-
และเชคมุฮัมหมัด อามาน มองว่าทัศนะนี้ ดีกว่า เเละหนักเเน่นกว่า
ส่วนบทความด้านล่างนี้ เป็นข้อมูลเพิ่มเติมในเรื่องโรคเรื้อน(leprosy), ซึ่งสนับสนุนคำพูดของมุฮัมหมัด อามาน —
อบู อิย้าด
5 ธันวาคม 2020–ปรับปรุงครั้งที่ 1.01
สำหรับผู้ที่ยังมีข้อสงสัย เเนะนำให้ศึกษาเพิ่มเติมด้วยบทความชุดนี้ (ภาษาอังกฤษ)
Abu ʿUbayd al-Qāsim bin Sallām al-Harawī (d. 224H) On Contagion
http://cv2020.s3.amazonaws.com/abu-ubayd-contagion.pdf
Imām al-Ṭabarī (d. 310H) on Contagion
http://cv2020.s3.amazonaws.com/tabari-contagion.pdf
Imām Ibn Khuzaymah (d. 311H) on Contagion
http://cv2020.s3.amazonaws.com/ibn-khuzaymah-contagion.pdf
Imām al-Ṭaḥāwī (d. 321H) on Contagion
http://cv2020.s3.amazonaws.com/tahawi-contagion.pdf
Abū Bakr al-Jaṣṣāṣ (d. 370H) on Contagion
http://cv2020.s3.amazonaws.com/jassas-contagion.pdf
Abū Sulaymān al-Khaṭṭābī (d. 388H) on Contagion
http://cv2020.s3.amazonaws.com/khattabi-contagion.pdf
Imām al-Baghawī (d. 516H) on Contagion
http://cv2020.s3.amazonaws.com/baghawi-contagion.pdf
Ibn ʿAbd al-Barr (d. 463H) on Contagion
http://cv2020.s3.amazonaws.com/ibn-abdal-barr-contagion.pdf
Al-Qurṭubī (d. 656H) on Contagion
http://cv2020.s3.amazonaws.com/qurtubi-contagion.pdf
Shaykh Muḥammad Āmān al-Jāmī (d. 1416H) on Contagion
http://cv2020.s3.amazonaws.com/aman-jami-contagion.pdf
Higher Wisdoms in the Ḥadīth Regarding the Land of Plague
http://cv2020.s3.amazonaws.com/hadith-plague-land.pdf
Cholera and Contagion
http://cv2020.s3.amazonaws.com/cholera-contagion.pdf