ประวัติศาสตร์โรคระบาด(ฏออูน)ในอดีต

ประวัติศาสตร์โรคระบาด(ฏออูน) ในอดีตที่เคยเกิดขึ้นในดินเเดนมุสลิม

เมืองบุคอรอ,อุซเบกิสถาน

ในปีฮิจเราะฮ์ที่ 447 – คริสตร์ศักราชที่ 1057

เรียบเรียงโดย เชคอบูอิย้าด อัมจ้าด รอฟิก
แปลโดย อบูจัสมิน

ท่านอิบนุ หะญัร -รอฮิมะฮลลุอฮ์- บันทึกว่า :

“… ปรากฏขึ้นในหมู่พวกเขาซึ่งการทำลาย[ชีวิต] ที่ไม่เคยเกิดขึ้นหรือได้ยินกันมาก่อน, ถึงขนาดที่ว่าในในเขตหนึ่งมีคนตายในวันเดียวถึง 80,000 คน รวมเเล้วมีคนตายในเหตุการณ์นี้ทั้งหมด 1,500,000 คน.

จากนั้นมันก็เกิดขึ้นในเมืองอาเซอร์ไบจาน,จากนั้นลามไปยังเมืองอะหฺวัซ,เมืองวะสิต,เมืองบัสเราะฮ์ กระทั่งพวกเขาได้ขุดหลุมขนาดใหญ่, เพื่อฝังคนตาย 20 ถึง 30 ศพพร้อมกัน

จากนั้น ก็เกิดขึ้นในเมืองซามาร์แคนด์เเละเมืองบัลคฺ ในหนึ่งวันมีคนตายถึง 6,000 คน หรือมากกว่านั้น. ผู้คนใช้เวลาทั้งกลางวันเเละกลางคืนไปเพื่อชำระล้างศพ ห่อศพ เเละขุดหลุมฝัง
ในกลุ่มพวกเขาจะมีชายผู้หนึ่ง ที่หัวใจของเขาเเตกเนื่องจากเลือดของมัน[ทะลักออกมา] และมีของเหลวออกมาจากปากของเขา จนกระทั่งเขาเสียชีวิต, บางครั้งก็มีหนอนเเมลงออกมาจากปากโดยที่เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เเล้วเขาก็เสียชีวิต

มีบ้านมากกว่า 2,000 หลังคาเรือน ถูกปิดร้าง, ไม่มีใครหลงเหลืออยู่ในบ้านเหล่านั้น, จากนั้นผู้คนก็เริ่มสำนึกกลับตัว, พวกเขาเริ่มบริจาค, มุ่งหน้าสู่มัสยิด, และอ่าน[อัลกุรอาน]. พวกเขาจัดการเทของมึนเมา เเละทำลายเครื่องดนตรี.

ซึ่งมันเกี่ยวข้องกันว่าหากบ้านหลังใดที่มีของมึนเมา และผู้อาศัยในบ้านนั้นทั้งหมดจะต้องตายพร้อมกันในคืนเดียว, มีชายหญิงคู่หนึ่งทำผิดประเวณี เเละพวกเขาทั้งคู่ก็ต้องตาย, มีคนกลุ่มหนึ่งได้เข้าไปในบ้านหลังหนึ่ง เพื่อจะค้นหาชายที่ใกล้ตาย เเล้วทันใดนั้นชายคนนั้นก็ชี้ตรงไปที่โกดังเก็บไวน์, พวกเขาก็จัดการทำลายมัน ภายในหนึ่งชั่วโมงชายผู้นั้นอาการดีขึ้น. ยังมีครูที่มีเด็กๆ 900 คน[อยู่ในการดูเเลของเขา] เเละไม่มีเเม้เเต่คนเดียวที่รอด[ชีวิต]

มีผู้ที่หลงเหลืออยู่ในเมืองซามาร์แคนด์ ในเดือนเชาวาล ไปจนสิ้นสุดเดือนซุ้ลก้อดดะฮ์,

จากนั้นในหมู่พวกเขามีคนตายอีก 260,000 คน โดยโรค[ฏออูน] เริ่มจากเมืองเตอร์กิสถาน จากนั้นลามไปยังเมืองคัชชาร์ จากนั้นลามไปยังเมืองฟาร์ฆอนะฮ์ เเต่มันไม่ได้เข้าไปยังเมืองบัลคฺและมาวารอ อัลนาฮรฺ (อุฐเบกิสถาน เเละทาจิกิสถาน) มีคนกลุ่มหนึ่งเดินทางออกจากเมืองบุคอรอ เพื่อไปยังเมืองบัลคฺ และลงไปทางเมืองรอบัต, เเต่พวกเขาตายทั้งหมด ยกเว้นชาวเมืองบัลคฺ

คนตายส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง เด็กๆ เเละวัยรุ่น, ทาสที่ถูกปล่อย ส่วนใหญ่เป็นวัยกลางคน, มากกว่าคนชรา, เเละเกิดกับชาวบ้านทั่วไปมากกว่าทหาร ส่วนในหมู่ทหาร คนเเก่ชราทั้งชายเเละหญิง มีคนตายเป็นจำนวนน้อย “[1] จบคำพูด.

เมืองที่เกิดโรคระบาดในอดีต

เพิ่มเติมจากเชคอบูอิย้าด : โรคระบาดที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ในอดีต และมีคนตายนับล้านนั้น มิใช่ประเภทเดียวกับโรคหวัดที่ปรากฏตามสื่อ ที่ประโคมข่าวสร้างความกลัวกันอย่างใหญ่โต ถ้าท่านอาศัยอยู่ในพื้นที่อากาศเป็นพิษสูง เช่น เมืองอู่ฮั่นในประเทศจีน หรือเตหะรานในอิหร่าน หรือลอมบาเดียร์ มิลาน ในทางตอนเหนือของอิตาลี่ หรือที่ใดก็ตามที่มีปริมาณของไนโตรเจนไดออกไซด์ หรือซัลเฟอร์ไดออกไซด์ในปริมาณที่สูง โดยเฉพาะฝุ่นละออง (PM10,PM2.5) จากอุตสหากรรมหนัก และท่อไอเสีย ย่อมส่งอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจ สิ่งนี้สามารถทำให้เกิดโรคหวัดที่อาการรุนเเรง เเละโรคปอดบวม[2] เช่นเดียวกัน หากท่านมีปัญหาสุขภาพอยู่เเล้ว ไม่ว่าปัญหาเกี่ยวกับปอดเเละหัวใจ หรืออายุมาก ย่อมมีโอกาสทำให้อาการหวัดนั้นรุนเเรงมากขึ้น เนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันที่เเย่อยู่เเล้ว ซึ่งมีความชัดเจนว่า ผู้ที่ไม่มีโรคเเทรกซ้อนเเละอายุน้อยนั้น ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด

เเต่ถึงอย่างไร โรคระบาด(ฏออูน) ในประวัติศาสตร์อิสลาม ย่อมเป็นบทเรียนหนึ่งที่ยิ่งใหญ่สำหรับผู้ศรัทธา ด้วยบททดสอบจากโรคและความตาย ที่มีสาเหตุจากการทำบาปเเละฝ่าฝืน ผ่านความเข้าใจที่ชัดเจนจากอัลกุรอานเเละสุนนะฮ์. ที่เขาจะต้องใตร่ตรอง เเละนำมาเป็นบทเรียน สำนึกผิดกลับตัวกลับใจ ขออภัยโทษต่ออัลลอฮ์ เเละมุ่งมั่นปรับปรุงเเก้ไขตัวเอง.

ดร.อบูอิย้าด
16 รอญับ 1441 ฮ.ศ. / 9 มีนาคม 2020 v.1.0


อ้างอิงเเละขยายความโดยอบูอิย้าด

[1] บาซลัล มาอูน ฟิ ฟัดลัล อัฏฏออูน (ด้ารกุตุบ อัลอัซซารียะฮ์, ฉบับตีพิมพ์ปี 1413 ฮ.ศ.,หน้าที่ 228-229)

[2] พื้นที่ต่างๆ ที่เกิดการระบาดมีผู้เสียชีวิตจากโรคทางเดินหายใจ ในพื้นเหล่านั้น เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เป็นที่ทราบดีในประวัติศาสตร์ สถานที่เหล่านั้น มีระดับของไนโตรเจนไดออกไซด์(nitrogen dioxide),ซัลเฟอร์ ไดออกไซด์(sulphur dioxide),ในปริมาณที่สูง เเละเต็มไปด้วยมลพิษจากฝุ่นละออง อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเหล่านี้กลับไม่ถูกกล่าวถึงตามสื่อเเต่อย่างใด. ด้วยงานวิจัยเพียงไม่กี่ชิ้นก็สามารถยืนยันเรื่องนี้ได้, โรคนั้นเกิดจากความผิดปกติของร่างกาย จากปัจจัยหลายอย่าง(multifactorial), และโรคนั้นเป็นสถานะ เเละสภาวะหนึ่งของร่างกาย มิใช่สิ่งที่มีตัวตน(noun-entities) เป็นรูปธรรมเหมือนกับต้นไม้หรือเเมว. การมองว่าโรคเกิดจากเชื้อจุลินทรีย์หนึ่ง(a microbe) โดยตัวมันเป็นสาเหตุเดียวของการเกิดโรคนั้น เป็นความเท็จ มีความชัดเจนสำหรับผู้ที่มีจิตใจที่ดี เเละเเนวความคิดที่ผิดพลาดนี้ นำเขาไปสู่การศรัทธาในอัดวะอฺ(โรคระบาด) ที่ถูกลบล้างโดยท่านนบี -ศ้อลลัลลอฮุอาลัยฮิวะซัลลัม- ในทางกลับกัน ยังมีสาเหตุอื่นมากมายที่ทำให้เกิดโรคขึ้น กล่าวคือ ความไวในการเกิดโรค (individual susceptibility) เป็นกุญเเจหลัก, โรคเกิดขึ้นจากหลายปัจจัย(multi-factorial) ทั้งปัจจัยภายใน เเละภายนอก. อัลลอฮ์เป็นผู้ทรงสร้างสาเหตุเเละผลของมันทั้งหมด. ดังนั้น โรคทั้งหมดเกิดขึ้นได้ด้วยการกำหนดของพระองค์, ด้วยพลังอำนาจ เเละพระประสงค์ของพระองค์, ทำให้โรคเกิดขึ้นในเเต่ละคน, หรือเเต่ละกลุ่มคนในอาณาเขตหนึ่ง, หรือใช้คุณสมบัติร่วมกันโดยมิได้เกี่ยวข้องกับสถานที่, โดยอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงกำหนดเหตุปัจจัย, โรคไม่สามารถเกิดขึ้นได้ นอกจากด้วยการกำหนดของอัลลอฮ์ ด้วยพลังอำนาจเเละพระประสงค์ของพระองค์ ส่วนคำพูดของผู้ปฏิเสธศรัทธา เมื่อพวกเขาพูดถึงโรคต่างๆ พวกเขาจะกล่าวว่าเกิดจากสิ่งที่มีตัวตน(noun-entities) ด้วยตัวมันเป็นต้นเหตุของการเกิดโรคหรือไม่เกิดโรคเท่านั้น(เช่น เเบคทีเรียบางชนิด หรือไวรัส) ซึ่งพลังเเละอำนาจของมันไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง นำไปสู่ความคิดที่ว่าโรคนั้นสามารถระบาดได้ด้วยธรรมชาติของมันเอง. นำไปสู่ความกลัว เเละความสงสัย. ซึ่งทั้งหมดนี้จะนำไปสู่ความศรัทธาในอัดวะอฺที่ถูกลบล้างโดยท่านนบี เป็นสิ่งที่พวกมุชริกีนเคยเชื่อกัน นอกจากนี้ โรคนั้นเกิดขึ้นจากหลายปัจจัย. มีบาปเเละการฝ่าฝืนเป็นปัจจัยร่วมอยู่ด้วย ทั้งหมดนี้ล้วนอยู่ภายใต้พระบัญชาของอัลลอฮ์ ในขณะเดียวกัน การป้องกันระมัดระวังใว้ก่อนนั้นเป็นสิ่งที่ถูกบัญญัติเอาใว้ เเละทุกเรื่องราวนั้นจะต้องนำกลับไปหาอัลลอฮ์ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา