เชคซอลิหฺ อัล-ลุฮัยดาน เกี่ยวกับโรคระบาดและการป้องกันอะกีดะฮ์
- โดย เชคซอลิหฺ อัล-ลุฮัยดาน -หะฟิศ่อฮุ้ลลอฮ์-
- อธิบายเพิ่มเติมโดย เชคอบูอิย้าด อัมจ้าด รอฟิก จากมักตะบะฮ์ สะละฟียะฮ์ เบอร์มิ่งเเฮม
– จบการศึกษา วิทยาศาสตรบัณฑิต สาขา Medicinal Biochemistry
– จบ PhD(ดร.) ในสาขา Biochemistry จากมหาวิทยาลัย ESSEX ประเทศอังกฤษ
– เป็นลูกศิทย์เชคอุบัยดฺ อัลญาบิรีย์, เชคอับดุลลอฮ์ อัลบุคอรีย์, เชครอเบี๊ยะ อิบนุฮาดีย์ เเละปราชญ์ท่านอื่นๆ
คำเเนะนำจากเชครอเบี๊ยะ อิบนุฮาดียฺอัลมัดคอลีย์ -ขออัลลอฮ์ทรงปกป้องท่านด้วยเถิด- ต่ออบูคอดียะฮ์ท่านอื่นๆ เเละมักตะบะฮ์สะละฟียะฮ์ : https://www.salafisounds.com/short-advice-from-al-allamah-rabee-ibn-haadee-al-madkhalee/
คำแนะนำจากเชคอุบัยดฺ อั้ลญาบิรีย์ -ขออัลลอฮ์ทรงปกป้องท่านด้วยเถิด- ต่อมักตะบะฮ์สะละฟียะฮ์ ให้รับความรู้จาก อบูคอดียะฮ์ ,อบูอิย้าด ,และ อบูฮะกีม
http://www.bakkah.net/en/wp-content/uploads/2015/09/maktabah-salafiyyah-shk-ubayd.mp3
- แปลโดย อบูจัสมิน

จากเชคอบูอิย้าด อัมจ้าด รอฟิก :
ฉันได้รับเเจ้งเตือนข้อความหนึ่ง เป็นคำพูดของเชคซอลิหฺ อัล-ลุฮัยดาน ที่ท่านพูดในเรื่องโรคระบาด ขอบคุณพี่น้องท่านหนึ่งที่ส่งมาให้ฉัน
มีผู้ถามเชคเชคซอลิหฺ อัล-ลุฮัยดาน -หะฟิศ่อฮุ้ลลอฮ์- ว่า
السائل: يقول أحسن الله إليكم كيف يجمع بين هاذين الحديثين (لا عَدْوَى وَلاَ طِيَرَة) وحديث (فِرَّ مِنَ الْمَجْذُومِ فِرَارَكَ مِنَ الأَسَدِ)
คำถาม : ขออัลลอฮ์ทรงประทานความดีเเก่ท่าน-เชคครับ เราจะประสานความเข้าใจระหว่างสองหะดีษนี้อย่างไรที่ท่านนบีกล่าวว่า “ไม่มีโรคระบาดใด,ไม่มีลางร้าย ..” เเละหะดีษ “จงหนีให้ห่างจากโรคเรื่อน ดุจท่านหนีจากสิงโต”
เชคตอบว่า:
الشيخ: أول شيء لم يأتي هذا الحديث هنا في هذا الموضوع اليوم، وما في شك سوف يأتي إن شاء الله، لكن قول النبي فر من المجذوم فرارك من الأسد، يعني إذا خشيت لو أصابك شيء تظن أن سببه هذه العدوى، احتط لها بأنك لا تجالس هذا،
หะดีษเเรกนี้ไม่ได้กล่าวถึงในหัวข้อที่อภิปรายกันวันนี้ และเป็นหะดีษที่เราจะพูดกัน อินชาอัลลอฮ์ , ส่วนคำพูดของท่านนบี: “จงหนีให้ห่างจากโรคเรื่อน ดุจท่านหนีจากสิงโต” หมายถึง เมื่อท่านกลัวว่าหากเกิดสิ่งใดกับท่านเเล้ว ท่านก็คิดว่านั้นแหละ เป็นสาเหตุของโรคระบาด, ท่านก็เลยระมัดระวังตัวเองไม่เข้าไปคลุกคลี.
นี่เป็นความหมายของมันที่ได้รับการอธิบายมากมายโดยสะลัฟ ในชุดบทความของเราเกี่ยวข้องกับโรคระบาด, เกี่ยวกับผู้ที่สับสนในสาเหตุของมัน เมื่อเขาไปปะปนกับผู้ป่วยโรคเรื้อน, ซึ่งอัลลอฮ์เป็นผู้กำหนด รวบรวมให้ปัจจัยเเห่งการเกิดโรคขึ้นในตัวเขา, จนทำให้เขาป่วย โดยโรคมันพัฒนาขึ้นมาในตัวเขา,เเต่เขากลับคิดว่าสิ่งนี้เกิดจากที่เขาไปคลุกคลีกับผู้ป่วยโรคเรื้อน มองว่ามันเเพร่ระบาดมายังเขา, แต่ในความจริงไม่ใช่. การสันนิษฐาน,หรือสถานการณ์เช่นนี้ มักเกิดขึ้นได้บ่อยครั้ง เมื่อมีโรคภัยใข้เจ็บเกิดขึ้นในหมู่ผู้คน ที่อาศัยกันภายใต้สภาพเเวดล้อม,สภาวการณ์, และช่วงเวลาเดียวกัน จนเป็นเหตุให้เกิดความเชื่อในเรื่องโรคระบาด
ดังนั้น เพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์เช่นนี้. ท่านนบี -ศ้อลลัลลอฮุอาลัยฮิวะซัลลัม-จึงกำชับให้หนีจากผู้ป่วยโรคเรื้อน, เพื่อระมัดระวังจากสิ่งนี้
เชคกล่าวต่อไปว่า:
وأما النبي فقد لمس من به الجذام، ولم يتردد ثقة بالله، وينبغي للواحد أن يعلم بيقين أن ما كتبه الله عليه سوف يكون لا محالة، تحذر أو لم يتحذر، احتاط أو لم يحتاط،
ส่วนที่ท่านนบียังสัมผัสกับผู้ป่วยโรคเรื้อนนั้น,และไม่ลังเลด้วยความเชื่อมั่นในอัลลอฮ์,และท่านมั่นใจว่าสิ่งใดที่อัลลอฮ์ทรงบันทึกใว้เเล้ว มันจะต้องเกิดขึ้นอย่างเเน่นอน, ไม่ว่าจะระมัดระวัง, ป้องกัน หรือไม่ก็ตาม
เเม้หะดีษนี้จะไม่เศาะฮีหฺ เเต่บรรดาศอฮาบะฮ์ก็เคยปฏิบัติเช่นนี้ เช่น ท่านอบูบักรฺ และท่านอื่นๆ
มีรายงานจากท่านอับดุลลอฮ บิน ญะฟัร -รอฎิยันลอฮุอันฮุ – กล่าวว่า : ฉันได้เห็นท่านอุมัร อิบนุ อั้ลคอตฏ้อบ ได้ขอภาชนะหนึ่งซึ่งในนั้นมีน้ำอยู่, และท่านมุฮัยกิบก็ดื่มจากมัน-ซึ่งท่านก็เป็นโรคเรื้อน-จากนั้น ท่านอุมัร ก็ดื่มจากมัน ท่านเจตนาเอาปากของท่านวางในจุด[ของภาชนะ]ที่ [ท่านมุอัยกิบ]วางปากของท่าน, เพื่อให้รู้ว่าการที่ท่านทำสิ่งนี้ เพราะท่านไม่ชอบให้[ความเชื่อ]ในเรื่องโรคระบาด เข้าไปอยู่ในจิตใจของท่าน” [ดู อัตตัมฮีด(1/53-55),อิบนุซะดฺ ในอัฏเฏาะบาก้อต(4/109-111) รายงานจากท่านมุฮัมหมัด บิน อิสหาก,เเละ ด อัล-ซีย้าร(2/491-492)]
เชคกล่าวต่อไปว่า
إذا فرض بأنه صار في البلاد مرض، وقال أخشى إذا خالطت الناس يصيبني إن كان الله قد قضى أن يصيبه فسيصيبه، جالس الناس أو لم يجالسهم،
สมมุติว่ามีโรคเกิดขึ้นในเมืองหนึ่ง , เเละเขากล่าวว่า “หากฉันเข้าไปปะปนกับผู้คนในเมืองนั้นเเล้ว ,มันจะทำให้ฉันป่วย” –หากอัลลอฮ์ว่าอัลลอฮ์ทรงประสงค์ให้เกิดขึ้นกับเขา, มันย่อมเกิดขึ้นกับเขาอย่างเเน่นอน. เเม้ว่าเขาจะเข้าไปคลุกคลีกับผู้คน หรือไม่ก็ตาม.
สิ่งนี้สามารถอธิบายได้สองประการ
ประการเเรก: ท่านไม่สามารถหลบหนีจากกำหนดของอัลลอฮ์ได้ เเม้ว่าท่านจะพยายามหลีกหนีจากสิ่งที่ท่านเชื่อว่ามันสาเหตุหนึ่งของโรค[โรคระบาด], อัลลอฮ์ก็จะนำโรคมายังท่านเเน่นอน, เเม้ท่านไม่เคยคลุกคลีกับผู้ป่วย
ประการที่สอง: นั้นก็เพราะว่าอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงรวบรวมปัจจัยต่างๆ ที่เป็นสาเหตุของโรคมายังท่าน เช่นที่พระองค์ทรงนำไปยังผู้ป่วยคนอื่นๆ . ดังนั้น เเม้ว่าท่านจะไม่ไปคลุกคลีกับพวกเขา ก็ใช่ว่าจะหนีรอด หากอัลลอฮ์ทรงประสงค์ให้มันเกิดขึ้นกับท่าน
นี่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นโดยทั่วไป, โรคที่เกิดขึ้นมาใหม่ในเเต่ละคน โดยอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงสร้างระบบของเหตุเเละผลของมัน, ด้วยการกำหนดของพระองค์, และไม่ว่าท่านจะเข้าไปปะปนหรือไม่ก็ตาม เเละบางปัจจัยของโรคก็สามารถปกคลุมในประชากรทั้งหมด, เป็นวงกว้าง, ทำให้ผู้คนมากมายต้องป่วย, พวกเขาอาจจะมองอย่างผิวเผิน, เเล้วอธิบายเกี่ยวกับโรคระบาดด้วยข้อสันนิษฐาน,ทำให้พวกเขาเกิดผิดข้อพลาดอย่างงายดาย เกี่ยวกับสาเหตุของมัน
เชคกล่าวต่อไปว่า
كما قال النبي صلى الله عليه وسلم لما قيل له: ما بال الإبل كأنها الغزلان في الجرد، فيدخلها الأجرب فيجربها، قال النبي من أعدى الأول، أول ما نزل به الجرب من الإبل، من الذي أعداه في الأول، هذا قضاء الله وقدره،
ดังคำพูดของท่านนบี -ศ้อลลัลลอฮุอาลัยฮิวะซัลลัม- เมื่อพวกเขาพูดกับท่าน : “โอ้ศาสนทูตของอัลลอฮ์, เเล้วเกิดอะไรขึ้นกับอูฐฝูงนั้นซึ่งมันเดินอยู่ในทะเลทรายเหมือนกับฝูงกวาง แต่เมื่ออูฐที่เป็นโรคเรื้อนตัวหนึ่งเข้าไปคลุกคลีกับพวกมัน เเล้วอูฐทั้งหมดก็ป่วยด้วยโรคเรื้อน” ท่านนบี -ศ้อลลัลลอฮุอาลัยฮิวะซัลลัม-จึงถามกลับไปว่า, “เเล้วผู้ใดนำโรคนั้นเข้าไปยังอูฐตัวเเรก” นี่คือกอฏอเเละกอดั้รของอัลลอฮ์
เป็นการพูดถึงอูฐตัวเเรกสุดในฝูงที่ป่วยเป็นโรคเรื้อน,โดยก่อนหน้านั้นไม่มีอูฐตัวใดป่วยด้วยโรคเรื้อนเลย, ด้วยเหตุนี้ อูฐตัวแรกจึงป่วยขึ้นด้วยกำหนดของอัลลอฮ์, กล่าวคือ, ด้วยการรวบรวมปัจจัยที่ทำให้โรคก่อขึ้นในอูฐตัวหนึ่ง เช่นที่ เกิดกับอูฐตัวเเรก, เเล้วเกิดกับตัวที่สอง, ตัวที่สาม , และตัวอื่นๆ, ส่วนการระบาดเป็นเเค่การทึกทักเอา เนื่องจากอูฐเหล่านั้นอยู่ในสภาพเเวดล้อมเดียวกัน, อยู่ภายใต้สิ่งเร้า และปัจจัยเเวดล้อมเดียวกัน ทั้งน้ำและอาหาร สิ่งเจือปน,ปอราสิต,เห็บหมัด, เเล้วโรคก็สามารถเกิดขึ้นได้กับพวกมันทั้งหมด โดยไม่เกี่ยวข้องกับการเเพร่ระบาด
เชคกล่าวต่อไปว่า :
ومع ذلك النبي قال (لاَ يُورَد مُمْرِضٌ عَلَى مُصِحٍّ)،*** وقال (إِذَا سَمِعْتُمْ الطَّاعُونَ فِي بَلَدٍ فَلاَ تَقْدَمُوا عَلَيْهِ)، إن كنتم في بلد لا تخرجوا إلى بقعة فيها الطاعون، كل هذا من أجل حماية العقيدة حتى لا يشكك الواحد، يقول (افْرَحْ تَسْلَمْ)، لكن لا يدخل عليه، لأن لا يصيبه إصابات فيقول لو لم أدخل ما حصل هذا
อย่างไรก็ตาม ท่านนบี กล่าวว่า “อย่าได้นำอูฐป่วยเข้าไปคลุกคลีกับอูฐสุขภาพดี” และที่ท่านกล่าวว่า “หากท่านทราบข่าวโรคระบาด(ฏออูน)ในเมืองใด ก็จงอย่าเข้าไปยังเมืองนั้น” หากท่านอยู่ในเมืองหนึ่ง ก็อย่าเข้าไปยังสถานที่ที่มีโรคระบาด ทั้งหมดนี้ก็เพื่อปกป้องอะกีดะฮ์ เพื่อไม่ให้เกิดข้อสงสัย, จนพูดกันในทำนองที่ว่า “หลีกหนีออกมาจากปัญหาเเล้วท่านจะปลอดภัย” หรือใครคนหนึ่งที่เขาไม่เข้าไปยังดินเเดนนั้น, เพราะเขาไม่ต้องการติดโรค เเล้วกล่าวว่า “หากฉันไม่เข้าไป สิ่งนี้ย่อมไม่เกิดขึ้น”
นี่คือข้อพิจารณาที่สอง, ซึ่งหากใครคนหนึ่งเข้าไปยังดินเเดนที่มีโรค เเละเขาก็ป่วย, เขาก็จะเริ่มหาข้อผิดพลาดในกำหนดการของอัลลอฮ์ ที่พระองค์ทรงกำหนดใว้เเล้ว เเล้วเขาจะกล่าวว่า “ถ้าฉันไม่เข้าไป มันก็จะไม่เกิดขึ้น” เป็นการพร่ำบ่นในกำหนดการของอัลลอฮ์ เเละข้อเท็จจริงของคำกล่าวนี้ก็มิใช่เป็นความจริง เเม้เขาจะไม่เข้าไปยังดินเเดนนั้น อัลลอฮ์ก็สามารถนำโรคเกิดกับเขาได้อยู่ดี ด้วยการที่พระองค์กำหนดปัจจัยเกิดโรคให้กับเขา เช่นที่พระองค์ทรงทำให้เกิดกับผู้คนในดินเเดนที่เกิด(ฏออูน)นั้น
ดังนั้นเชคได้ให้ความกระจ่างเเก่เราในหลายประเด็น-ขออัลลอฮ์ทรงประทานความดีเเละปกป้องท่าน -:อันได้เเก่
- ฮิกมะฮ์ ในคำสอนของท่านนบี เพื่อปรามผู้คนจากการสร้างข้อสันนิษฐานผิดๆ ในเรื่องโรคระบาด และนำไปสู่การศรัทธาต่อมัน,บนความผิดพลาดในการเอาสิ่งที่สับสนมาเป็นสาเหตุ
- ฮิกมะฮ์ ในการป้องกันจากสถานการณ์ที่ผู้คนหาข้อบกพร่องในกำหนดการของอัลลอฮ์ หรือสร้างข้อผิดพลาดให้กับมัน
อบูอิย้าด 10 จุมาดา อัล-เอาวาล 1442 / 25 ธันวาคม 2020 —v.1.0