สาร์นตักเตือนไปยังนักโต้แย้ง มุสลิมที่เอาทฤษฏีทางวิทยาศาสตร์มาอธิบายอัลกุรอาน [ตอนที่3]
เรียบเรียงโดย ดร.อบูอิย้าด อัมจ้าด รอฟิก
[วันที่ 3 กันยายน 2015]
แปลโดย อบูจัสมิน
บิ๊กแบง เป็นแบบจำลองที่อธิบายจุดกำเนิดของจักรวาล เป็นเพียงเเค่การคาดคะเน เป็นแค่ความเชื่อหนึ่งที่ได้รับการตีความไปในหลายรูปเเบบ13 มีพื้นฐานมาจากการตั้งสมมติฐาน14 และสภาพของมันเหมือนกับชายคนนึ่งที่ตายสนิทไปเเล้ว แต่ถูกปลุกให้ฟื้นคืนชีพมาโดยผู้ที่ศรัทธาในมัน ที่ยังคงนั่งประคองชีวิตของมันด้วยกับบทสวดวิทยาศาสตร์ข้างๆ เตียง ละเล่นบนตัวเลขทางคณิตศาสตร์ และใช้จินตาการปลุกปั้น เสกสรรค์สิ่งเร้นลับขึ้นมาจากปัจจัยที่มองไม่เห็น เพื่อบีบคั้นให้มันคืนชีพขึ้นมาอีกครั้ง ในขณะที่มันได้กลายเป็นซากศพอยู่เบื้องหน้าพวกเขา15 พวกเขาหัวรั้นปิดใจจากความจริง พวกเขาคัดค้านที่จะปิดเครื่องต่อลมหายใจนี้16
ขณะเดียวกันก็ใช้สื่อเป็นเครื่องมือ เเสดงละครตบตาต่อไป โดยนำเสนอข้อมูลที่มีการบันทึกอย่างระมัดระวัง เพื่อทำให้ภาพลวงตานั้นปรากฏออกไปสู่สังคมว่านักวิทยาศาสตร์กำลังเข้าใกล้การค้นพบความลับของจักรวาลเเล้ว แต่หากเกิดสิ่งที่ตรงกันข้าม : พวกเขาเกิดการเสียขวัญ และยิ่งเริ่มถลำลึกเข้าไปไกลขึ้น เริ่มเดินออกจากความเป็นจริงทางกายภาพ เพราะพวกเขารับไม่ได้ที่จะต้องละทิ้งการศาสนาบิ๊กแบงจอมโกหกนี้ และพื้นฐานการคาดเดานี้เป็นม่านกำบังพวกเขาจากความจริง,ความถูกต้อง,การค้นพบจากการเดาสุ่มนี้ได้ผลักดันพวกเขาต่อไปผ่านการปั้นเเต่งทฤษฏีทางคณิตศาสตร์17 และพวกเขาเริ่มประดิษฐ์ “หลักฟิสิกส์พิลึก “ ขึ้นมาเรื่อย ๆ เพื่อลดช่องว่างระหว่างปรัชญาทางศาสนากับข้อเท็จจริงทางกายภาพ
เหตุการณ์ในช่วงการสร้างเอกภพยังไม่ได้รับการยืนยัน แบบจำลองบิ๊กแบงส่วนใหญ่เกิดมาจากทฤษฏีและแบบจำลองอื่นๆ “คำอธิบายทฤษฏีบิ๊กแบงนำไปสู่การอธิบายการเกิดเอกภพ มันฟังดูง่ายๆ เป็นการพูดถึงในเรื่องจักรวาลที่เรารู้ว่ามันเริ่มต้นมาจากจุดเล็กๆ จุดเดียว (singrularity) จากนั้นมันได้ขยายตัวออกใช้เวลา 13.8 ล้านปี จนกลายเป็นจักรวาลที่เรารู้จักกันทุกวันนี้ เนื่องจากเครื่องมือปัจจุบันไม่สามารถพานักดาราศาสตร์ย้อนกลับไปสังเกตการกำเนิดของเอกภพได้ ความเข้าใจของเราต่อทฤษฎีบิ๊กแบง จึงได้มาจากทฤษฎีทางคณิตศาสตร์ และแบบจำลองเท่านั้น “18
[ 13-กลุ่มลัทธิคลั่งบิ๊กแบงนั้นได้แตกแยกกันออกเป็นหลายกลุ่ม แต่ละกลุ่มมีการตีความตามรูปแบบของตัวเอง จากคำสอนหลักของศาสนาจอมปลอมนี้ มหาปุโรหิตแห่งศาสนานี้ ทำให้จินตนาการของพวกเขาศักดิ์สิทธ์ขึ้นด้วยการเดาสุ่ม เเละแต่งนิยายขึ้นมา โดยไม่สามารถพิสูจน์ ได้ เพื่อจะชี้ให้เห็นว่า “โลกนี้ไม่มีผู้สร้าง” หรือ “ทุกสรรพสิ่งล้วนเกิดขึ้นมาด้วยตัวมันเอง” เทพนิยายของพวกเขาถูกสวมเขากับทฤษฏีทางตัวเลขที่ซับซ้อน จนเกิดเป็นภาพลวงตาว่า สิ่งที่พวกเขาพูดนั้นเป็นข้อเท็จจริง สิ่งที่พวกเขากำลังทำอยู่นั้น ก็คือการนำสมการต่างๆ มาอธิบายสิ่งที่อยู่ในจินตนา ให้ปรากฏขึ้นบนโลกแห่งความจริง แล้วใช้สื่อช่วยกันประโคมเรื่องราวการคาดเดาและภาพมายานี้ จนทำให้ผู้คนทั่วไปคิดว่า มันกลายเป็นข้อเท็จจริงทางวิทยาศาสตร์ที่ผ่านการพิสูจน์เเล้ว ในขณะที่ความเป็นจริงคือสิ่งที่ตรงกันข้าม]
[ 14- สมมติฐานชั้นต้นที่สำคัญในเรื่องนี้ คือ เรื่อง “การเเยกกระจายออกไปอย่างสม่ำเสมอและทุกทิศทางที่เหมือนกันหมดของจักรวาล” (เรียกว่าหลักการ the Cosmological and Copernican) เป็นหลักแรกที่ใช้ตีความการเกิดบิ๊กเเบง
สมมติฐานนี้ อธิบายธรรมชาติการขยายตัวในบิ๊กแบงว่ามันควรจะเหมือนกันในทุกทิศทาง ส่วน “หลักฐานจากสังเกตการณ์” จะต้องผ่านการคัดกรอง ผ่านข้อสันนิษฐานเหล่านี้ก่อนจึงจะได้รับการตีความให้เป็นหลักฐานที่ยอมรับ. หลักการนี้ ถูกนำไปใช้ตรวจสอบหลักฐานจากข้อสังเกตกาณ์ แต่บาทหลวงแห่งศาสนาบิ๊กแบงเหล่านี้ไม่ได้ตั้งใจจะละทิ้งการตามอย่างหูหนวกตาบอด และละทิ้งหลักคำสอนศาสนาเท็จนี้ใว้เลย เพราะถ้าหากปราศจากสมมติฐานที่ว่า จักรวาลมีการเเผ่ขยาย(เหมือนกันในทุกทิศทาง) และแบบเดียวกันทั้งหมด(การกระจายที่เท่ากันของสสาร ดวงดาว กาเเลกซี่) มันก็จะไม่มีศาสนาบิ๊กแบงอีกต่อไป
ซึ่งข้อมูลจากดาวเทียม COBE, WWAP(ดาวเทียมสำรวจคลื่นไมโครเวฟวิลกินสัน) และ Planck projects ที่ได้ทำให้สมมติฐานเหล่านี้เป็น “โมฆะ” ดังนั้น ศาสนาบิ๊กแบงจึงเป็นโมฆะไปด้วย
สำหรับรายละเอียดอ้างอิงจาก Planck Satellite Data, Lawrence Krauss and the Earth at the Center of the Universe ท่านสามารถอ่านเจาะลึกเพิ่มเติม ได้ที่บทความนี้ [http://aboutatheism.net/?ghyiwfg.] และรังสีในโครงการวิจัยเหล่านี้ มิได้อ้างอิงถึงบิ๊กแบงแต่อย่างใด แต่การแผ่รังสีเหล่านี้ เป็นสิ่งที่ยืนยันว่าเรื่องโลกเป็นศูนย์กลางจักรวาลต่างหาก
[ 15- แบบจำลองนี้ เหมือนกับหลักความเชื่อในเรื่อง “ทฤษฎีวิวัฒนาการ” มันจะล้มครืนลงทันที หากมันถูกเเสดงให้เห็นว่าเป็นเท็จ.]
[ 16- จิม พิเบิลส์, ศาสตราจารย์อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ เป็นศาสตราจารย์วิทยาศาสตร์ และเป็นศาสตราจารย์ฟิสิกส์กิติมศักดิ์ เป็นผู้ที่ถูกอ้างในแบบจำลองบิ๊กแบงมากที่สุดอีกด้วย เขากล่าวว่า “เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลและชาญฉลาด ที่ผู้คนยังคงคิดหาทางเลือก เพื่อสร้างมาตรฐาน [ของบิ๊กแบง] ต่อไป เพราะหลักฐานที่มีอยู่ยังไม่สมบูรณ์นัก”
[หนังสือ “หลักการของจักรวาลวิทยาทางกายภาพ (Princeton University Press, 1993) หน้า 226.]
สถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้ต่อไป เว้นเเต่ กลุ่มคนที่มีความกระตือรือร้น มาครอบงำความยุติธรรมในหมู่พวกเขา ซึ่งไม่ต้องการให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ หนึ่งในนั้นได้เเก่ พิเบิลส์
[ 17- การเชื่อมโยงและความถูกต้องทางตัวเลข ไม่สามารถแปลงให้เป็นข้อเท็จจริงในทางกายภาพได้ คณิตศาสตร์เป็นเพียงเครื่องมือ และไม่สามารถนำไปยืนยันสมมุติฐานเหล่านั้นได้ ซึ่งผลสรุป ที่ดีที่สุดก็เพียงเเค่ยืนยันสมมติฐานเบื้องต้นเท่านั้น]
[ 18- อ้างอิงจากเว็ปไซต์ : http://www.space.com/]
อ่านต่อ -> ทฤษฏีบิ๊กแบงในอัลกุรอาน? [ตอนที่4]