สัยยิด กุฏบ์ รับเเนวคิดมาจากใคร ?

สัยยิด กุฏบ์ รับเเนวคิดมาจากใคร ?
เเกนนำขบวนการสุดโต่ง
แปลโดย อบูจัสมิน [8 พฤษภาคม 2559]

แนวความคิดในเรื่อง ความเสมอภาค และการเรียกร้องสิทธิขั้นพื้นฐาน การเรียกร้องอิสรภาพจากการปกครองแบบเผด็จการหรือผู้มีอำนาจที่เป็นระบอบกษัตริย์ผู้ปกครอง หรือแนวความคิดก่อการปฏิวัติสู่การเปลี่ยนแปลงระบบปกครอง รวมไปถึงเเนวคิด กระจายทรัพย์แบบคอมมิวนิสต์, หลักคิดสังคมเสมอภาค ทั้งหมดนี้มีที่มาอย่างไร ?

เชคร่อเบียะอฺ อั้ล-มัดคอลีย์ กล่าวใว้ใน “อั้ล อะวาอะซิม ฟี กีตาบ สัยยิด กุฏบ์ มิ่น อั้ล กอวาอะซิม” หน้า 84 พิมพ์ครั้งที่ 1 ปีที่ 1194 ฮ.ศ. ความว่า

“ประการที่สอง : นี่คือการออกบทบัญญัติที่สัยยิด กุฏบ์ ได้สอดแทรกแนวความคิดของตัวเองไปยังบทบัญญัติแห่งอิสลาม ( อ้างถึง หลักการตามแนวคิดสังคมนิยมของมาร์กซิส ในเรื่องการกระจายทรัพย์สินจากคนรวย สู่สังคมคนยากจน สัยยิด กุฏบ์ฺ มองว่า เป็นสิ่งที่กระทำได้) เขาได้หยิบยืมแนวคิดนี้มาจากคอมมิวนิสต์และชาติตะวันตกจากทฤษฎีทั้งหลายของมัน มันได้เเพร่กระจายอยู่ในความคิดของเขา อันที่จริงเเล้วเขาได้ซึมซับหลักการ และทฤษฎีเหล่านี้ ฝังอยู่ในความนึกคิดของเขา และเเสดงออกมาเป็นงานเขียน โดยเขาสอดเเทรกมา ในนามของศาสนาอิสลาม โดยเฉพาะเมื่อเขาได้ขึ้นไปสู่จุดสูงสุดในช่วงการปฏิวัติ the Nasserite Taaghootee revolution (คือ การปฏิวัติของนัศเซอร์ ซึ่งสาธารณรัฐอียิปต์ได้สถาปนาขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1952 โดยคณะนายทหารหนุ่ม ภายใต้การนำของ กามาล อับเดล นัสเซอร์ ) ปรับใช้ ทฤษฏีรวมศูนย์อำนาจ แบบสังคมนิยม ซึ่งมีรากฐานเดียวกับทฤษฎของสัยยิด กุฏบ์ และคนอื่นๆ ที่มีเเนวคิดแบบเขา บุคคลเหล่านี้ได้ ผสมผสานระบบสังคมนิยมแบบมาร์กซิสกับอาภรณ์เเห่งอิสลาม ด้วยกับสิ่งที่อิสลาม เเละมุสลิม โดนกดขี่ข่มเหงมาตลอด”

เชครอเบียอฺ ยังกล่าวต่อไปอีกว่า มันฮัจญ์ (วิถีทาง) ของคนเหล่านี้ล้วนได้รับมาจากคอมมิวนิสต์ ก่อนหน้าที่จะได้มารับอิทธิพลจากพวกเคาะวาริจในอดีต สิ่งที่ท่านเชคกล่าวใว้ ปรากฏอยู่ในหนังสือ กัชฟฺ อัลซิตตารฺ หน้า 32 ความว่า :

“นี่คือ แนวความคิดการก่อปฏิวัติล้มผู้นำ เราจะไม่กล่าวว่ามันได้รับอิทธิพลจากแนวความคิดของพวกเคาะวาริจญฺเก่าก่อน แต่เราขอกล่าวว่ามันได้รับอิทธิพลจากพวกคอมมิวนิสต์ ชาตินิยม และการปฏิวัติของลัทธิเซคิวลาร์ ก่อนที่จะได้รับอิทธิพลจากพวกเคาะวาริจ เพราะผู้ที่ได้วางแผนก่อปฏิวัติในดินแดนของอิสลาม พวกเขาเหล่านั้น คือศัตรูของอัลลอฮ์ ซึ่งก็คือพวกยิว, คริสเตียน, คอมมิวนิสต์ รวมทั้งพวกปัญญาชนที่ถูกหล่อหลอมขึ้นมา เพื่อให้เป็นศัตรูกับอัลลอฮ์ ไม่ว่าจากพวกยิวและคริสเตียน ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้ เป็นผู้ที่ต่อต้านมุสลิมมาโดยตลอด พวกเขาได้คิดค้นวิธีการ การทำลายล้างในรูปแบบต่างๆ เช่น การสร้างสถานการณ์ที่จะนำไปสู่การลุกฮือ ก่อปฏิวัติ พวกเขาให้การส่งเสริมมัน และจะยังคงให้การสนับสนุนต่อไป”

ต่อไปเรามาดูบทสัมภาษณ์จากมุมมองของนักเขียนต่างศาสนิก ที่มีต่อสัยยิด กุฏบ์ เเละใครบ้างที่มีอิทธิพลต่อเขา ?

ลาดอนและโรยา เบอโรมอง ได้เขียนในบทความหนึ่งที่มีชื่อว่า “ความหวาดกลัว อิสลาม และประชาธิปไตย” ความว่า

“เช่นเดียวกัน อะบุล อะอฺลา อัล-เมาดูดี และพวกเผด็จการตะวันตก เขา (สัยยิด กุฏบ์) ได้กล่าวถึงรูปแบบสังคมในมุมมองของเขา(การเมืองอิสลามร่วมสมัย) คือการยืนหยัดต่อสู้จากศัตรูที่รายล้อมโดยรอบ ด้วยความบริสุทธิ์ และระเเวดระวัง ภาพลักษณ์ของชนกลุ่มน้อยแนวหน้าอันบริสุทธิ์ สามารถสู้รบด้วยวิธีการใดๆ ก็ได้ ตามความจำเป็น แม้กระทั่งการก่อปฏิวัติที่รุนแรง เพื่อสถาปนาสังคมขึ้นมาใหม่ สร้างสังคมเเห่งความยุติธรรมที่สมบูรณ์แบบ เป็นสังคมในอุดมคติของเขา จะไม่มีการแบ่งชนชั้น “คนเห็นแก่ตัว” แห่งเสรีประชาธิบไตย จะถูกขับไล่ออกไป และ“การแสวงหาประโยชน์จากมนุษย์โดยมนุษย์” จะถูกล้มล้างให้หมดสิ้น พระเจ้าเท่านั้นคือ ผู้ควบคุมมันทั้งหมด ด้วยการนำบทบัญญัติอิสลามมาใช้ นี่แหละครับ คือแนวความคิดของเลนินที่สวมด้วยอาภรณ์อิสลาม ”

พอล เบอร์มัน เขียนบทความหนึ่งได้ ตีพิมพ์ในนิตยสารนิวยอร์กไทม์ ฉบับวันที่ 23 มีนาคม 2003 ใว้ว่า

“กลุ่มคนจำนวนไม่กี่คน ที่รวมตัวกันเป็นหนึ่งเดียว ตามที่สัยยิด กุฏบ์ กล่าวใว้ใน ไมล์สโตน โดยเรียกพวกเขาว่า “กลุ่มชนแนวหน้า”สิ่งนี้ได้รับมาจากแนวความคิดของเลนิน”

ในบทความชื่อว่า “กุฏบ์ บิดาแห่งอัลกออิดะฮ์” ถูกตีพิมพ์ลงในวารสาร “the Independent” ฉบับเดือนสิงหาคม ปี 2006, เดเนียล มาร์ติน ได้อ้างคำพูดของ ลอร์เรนซ์ ไรท์ ที่ตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับหนังสือ “Milestone” ( หนทางสู่หลักชัย ) ว่า

“ท่วงทำนองของมัน (เนื้อหาในหนังสือนั้น) เปรียบได้กับ หนังสือสัญญาประชาคม ของรุซโซ่ และงานเขียน “What Is to Be Done ?” ของเลนิน ต่างก็นำไปสู่การนองเลือดเหมือนกัน”

(วลาดิมีร์ เลนิน – Vladimir Lenin มีชื่อเต็มว่า วลาดิมีร์ อิลลิช อิวานิคอฟ เลนิน (Vladimir Ilyich Ivanigov Lenin, Владимир Ильич Иванигов Ленин) (เกิด 22 เมษายน พ.ศ. 2413 – 21 มกราคม พ.ศ. 2466 (ค.ศ. 1924)) ผู้นำนักปฏิวัติมาร์กซิส คนแรกของสหภาพสาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียตที่สถาปนาเมื่อ พ.ศ. 2465 เป็นหัวหน้าพรรคบอลเชวิก นายกรัฐมนตรีคนแรกและเป็นเจ้าของแนวความคิดส่วนใหญ่ในลัทธิเลนิน – วิกิพีเดีย)

รอด ดรีเสอร์ เขียนในหนังสือพิมพ์ “the Dallas Morning” ฉบับวันที่ 27 สิงหาคม 2006 ความว่า

“What is to be done? ที่เลนินได้ตั้งคำถามอันเป็นที่รู้กันดีเกี่ยวกับ – Czarist Russia. ซึ่งคำตอบของกุฏบ์ ต่อคำถามที่คล้ายกันนี้เกี่ยวกับตะวันตกนั้น ปรากฎอยู่ในบางส่วนของหนังสือ “Milestone” เป็นแบบเเผนที่มาจากเลนิน ซึ่งเป็นปัจจัยส่งเสริมให้เกิดเเนวคิดการก่อปฏิวัติอิสลามที่เเผ่ขยายไปทั่วโลก”

ฟิล พาอิเน่ นักเขียนและนักวิชาการอิสระ ได้ตั้งข้อสังเกต หลังจากที่ได้อ่านหนังสือ “Milestones” เป็นครั้งแรกว่า

“ประการแรกสุด เป็นที่น่าสังเกตอย่างหนึ่ง เกี่ยวกับแนวความคิดของสัยยิด กุฏบ์ นั่นคือ เนื้อหาของมัน มีความเป็นอิสลามตามเเบบฉบับดั้งเดิมเพียงน้อยนิด แม้เเต่ข้อมูลพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับมุสลิมโดยทั่วไป ที่จริงแล้วมันได้รับแรงบรรดาลใจมาอย่างสุดซึ้งจากยุโรป และขโมยแบบเเผนมาจาก ฮิตเลอร์ มาร์กซ์และเลนิน และที่ได้รับอิทธิพลมากที่สุด ก็คือแนวความคิดของเลนิน ข้อความทั้งหมดนั้นดูเหมือนเป็นเพียงการคัดลอกมาจากงานเขียนของเลนิน จากนั้นก็นำคำศัพท์อิสลามเทียมๆ เพิ่มเข้าไป เช่น การเปลี่ยนคำว่า “นักปฏิวัติแนวหน้า” – “revolutionary vanguard” – ไปเป็นคำว่า “แนวหน้าแห่งอิสลาม”- “Islamic vanguard” เป็นต้น และยังมีแนวความคิดยุติธรรม Marxist mumbo-jumbo มีเรื่องเล่าความเท็จต่างๆ เรื่องราวการทรยศหักหลัง ความมุ่งมั่น บนความโหดร้ายในนามของโชคชะตาที่ไม่ปราณี ซึ่งปรากฏอยู่ในหนังสือไมล์สโตน เช่นเดียวกัน ”

ในบทความที่รวบรวมโดยมิคาเอล ทอมสัน ชื่อว่า “อิสลามเเละตะวันตก, ในมุมมองที่สำคัญเกี่ยวกับความทันสมัย” เขียนโดย อุมัร คาฮา (ในหน้า 44-45) เป็นบทวิเคราะห์ที่ลึกซึ้งน่าอัศจรรย์เป็นอย่างยิ่ง เป็นบันทึกที่มีความถูกต้องสูง กับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับบรรดา “นักคิดอิสลาม”(ฟากิฮ์อิสลามีย์) ในศรรตวรรษที 20

“ความทะเยอทะยานในการล่าอาณานิคมของชาติตะวันตกเหนือดินเเดนของชาวมุสลิม ทำให้เกิดปฏิกิริยาที่แข็งกร้าว จากบรรดานักคิดมุสลิมจากฝั่งแอฟริกาเหนือ ได้ริเริ่มแนวความคิดผ่านมุมมองของเลนิน ซึ่งสองกุญแจสำคัญในแนวความคิดของนักคิดเหล่านี้ต่างก็หยิบยืมมาจากเลนินทั้งในเรื่อง “รัฐ” และ “การปฏิวัติ” รัฐที่เป็นสัญลักษณ์เเห่ง “ความยุติธรรมทางสังคม” “สังคมที่เป็นเอกภาพ” และ “ต่อกรกับชาติตะวันตก” รัฐดังกล่าวต้องจัดตั้งขึ้นมาหลังจากการปฏิวัติเท่านั้น จะต้องอยู่ภายใต้การนำของผู้ก่อตั้งรุ่นบุกเบิก ความคิดนี้ เป็นผลงานของสัยยิด กุฏบ์ ปัญญาชนชาวมุสลิมในประเทศอยิปต์ ที่ถูกแขวนคอภายใต้ผู้นำนัซเซอร์ ในปี 1996 ตัวอย่างเช่น การเน้นบทบาทของกลุ่มนักปฏิวัติที่มีแนวความคิดเลนินอยู่เบื้องหลังเป็นส่วนใหญ่ สัยยิด กุฏบ์สร้างมโนภาพการก่อตั้งรัฐอิสลาม โดยผ่านวิธีการก่อปฏิวัติที่นำโดยกลุ่มคนที่มีประสบการณ์ มีความรู้ในเรื่องอิสลาม ซึ่งอันที่จริงเเล้วจะเห็นได้ว่า กลุ่มดังกล่าวนี้เป็นการพยายามที่จะแทนที่ จากคำว่า “กลุ่มแนวหน้ากรรมกร” ตามแนวความคิดของเลนิน มาเป็นคำว่า “กลุ่มเเนวหน้า-มุสลิม” ซึ่งมีความคล้ายคลึงกันมาก แม้ว่าปัญญาชนมุสลิมส่วนใหญ่เหล่านี้จะให้ความสำคัญกับระบบสังคมนิยมเสียมากกว่า อย่างกรณีของสัยยิด กุฏบ์ที่ดำเนินไป ผ่านค่านิยมที่ผสมผสานรูปแบบของเลนินเข้าไป โดยเป็นรัฐสังคมนิยม มีรูปแบบที่เน้นความเป็นความภราดรภาพ,มุ่งสู่การปฏิวัติ,การสร้างความเสมอภาค,เป็นรัฐรวมศูนย์อำนาจ,ต่อต้านระบอบทุนนิยม, ต่อต้านระบอบประชาธิปไตย อยู่ท่ามกลางสิ่งรายล้อมอื่นๆ แต่เมื่อพวกเขามองว่า การตีความอิสลามตามแบบฉบับดั้งเดิม ขาดวิธีการที่เพียงพอในการที่จะแก้ไขปัญหาที่มีอยู่ พวกเขาจึงเริ่มที่จะหยิบยืมแนวความคิดและมุมมองแบบสังคมนิยมจากรัสเซียมาใช้แทน”

ดังนั้น จึงกล่าวได้ว่า แนวความคิดของสัยยิด กุฏบ ในเรื่อง “ทฤษฎีแห่งรัฐ” และ “การปฏิวัติ” นั้น ได้รับอิทธิพลมาจากแนวความคิดสังคมนิยมแบบเลนินมากที่สุด นอกจากนี้ เขายังได้รับแรงบันดาลใจจากแนวความคิดสังคมนิยมแบบมาร์กซิสม์ แนวความคิดของฮิตเลอร์, ชาตินิยม การปฏิวัติของเซคิวลาร์ รวมทั้งแนวความคิดเคาะวาริจด้วย โดยเขาได้นำแนวความคิดทั้งหลายนี้มาผนวกให้เข้ากับอาภรณ์แห่งอิสลาม

อย่างไรก็ดี แนวความคิดทั้งหลายนี้ไม่อาจหลอมรวมกับหลักการอิสลามอันบริสุทธิ์ได้เลย เพราะแนวความคิดต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นมานั้น อาทิ แนวความคิดคอมมิวนิสต์ เป็นต้น ล้วนเกิดขึ้นจากฝีมือของกลุ่มที่เป็นศัตรูของอิสลาม อันได้แก่ คริสต์และยิว ทั้งสิ้น เช่นนี้ ย่อมเป็นไปไม่ได้เลยที่จะผสานให้แนวความคิดต่าง ๆ เหล่านี้กลมกลืนไปกับหลักการอิสลาม เว้นแต่จะเป็นได้เพียงการนำเอาคำว่า “อิสลาม” มาใส่ไว้เป็นเปลือกอย่างฉาบฉวย เพื่อให้บรรลุถึงเป้าหมายที่ตนเองต้องการเท่านั้น

ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ กลุ่มนักเคลื่อนไหวบะตีนีย์, คำสั่งการลับ, องค์กรฟ รีเม สัน,​ อั้ลอิควาน, อั้ลกอดิดะฮ์ และไอซีส

© บทความนี้ได้หยิบยกมาบางส่วนจากเว็ปใซต์ ikhwanis.com

ที่มา
ผลผลิตจากเเนวคิดของสัยยิด กุฏบ์ ก่อเกิดเป็นกลุ่มก่อการร้ายต่างๆ

คำตักเตือนเเก่บรรดาเยาวชนที่ชื่นชอบการประท้วงชุมนุม ปฏิวัติล้มผู้นำ
เชคร่อบิอฺ บินฮาดี อัลมัดคอลีย์

คำถาม : การออกไปประท้วง การออกไปสนับสนุนการปฏิวัติ และการปลูกฝังอุดมการณ์ดังกล่าวให้กับเยาวชน เป็นส่วนหนึ่งของแนวทางอะฮ์ลิซสุนนะฮ์หรือไม่ ? ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศอิสลาม หรือประเทศอื่น อะไรคือคำตักเตือนของท่าน สำหรับผู้ที่ทำการดะอฺวะฮ์ด้วยกับสิ่งเหล่านี้ ?

คำตอบ : นี่คือแนวทางของพวกมาร์กซิส และเลนิน (ผู้นำการปฏิวัติคนแรกของสหภาพโซเวียต) และแนวทางอื่นๆที่คล้ายคลึงกับสิ่งดังกล่าว นี่ไม่ใช่แนวทางของอิสลาม !!! ทั้งการปฏิวัติ การหลั่งเลือด การก่อฟิตนะฮ์และปัญหาต่างๆ มันคือ มัสฮับของพวกมาร์กซิส และเลนิน ที่ถูกรวมไว้เข้ากับมัสฮับของพวกค่อวาริจ และคนพวกนั้นก็กล่าวว่า ” นี่แหละคืออิสลาม ” แล้วพวกเขาก็ได้สร้างสิ่งต่างๆขึ้นโดยเอาอิสลามไปครอบ เช่น เพลงแบบอิสลาม พรรคแบบอิสลาม ประชาธิปไตยแบบอิสลาม หรือแม้กระทั่งการร้องเล่นเต้นรำแบบอิสลาม ทั้งหมดนั้นมันคือความหลงผิด พวกเขาเอาสิ่งเหล่านี้มาจากทั้งตะวันตก และตะวันออก และพวกเขาก็เอาคำว่าอิสลามคลุมมันไป …ขออัลลอฮ์ทรงทำให้อิสลามห่างไกลจากแนวทางเช่นนี้…

จงละทิ้งแนวทางเหล่านี้ แล้วหันหน้ากลับสู่สัจธรรมเถิด!!! สำหรับในเรื่องของการญิฮาดนั้น มันมีเงื่อนไขและบริบทของมัน ( ไม่ใช่นึกอยากทำก็ทำ )

ส่วนแนวทางของพวกมาร์กซิสนั้น พวกเขาก็แค่เอาเสื้อคลุมแห่งอิสลามนั้นครอบมัน แล้วพวกเขาก็ยึดเอาการปฏิวัติ และสิ่งต่างๆที่คลายคลึงกันนี้ให้เป็นอิสลาม ทั้งๆที่อันนี้จริงมันเป็นอุดมการของเลนินและมาร์กซิส หนำซ้ำพวกเขาก็ได้ยึดเอาระบบประชาธิปไตยมาจากอเมริกา แล้วพวกเขาก็ป่าวประกาศให้โลกรู้ว่า “พวกเรานี่แหละที่กำลังทำการสู้รบกับอเมริกา “ ทั้งๆที่ตัวของพวกเขาเองนั้นแหละคือตัวตั้งตัวตีในการโปรโมทอุดมการความคิดของพวกอเมริกา ไม่ว่าจะเป็นการแบ่งแยกคนออกเป็นพรรคนั้นพรรคนี้ , การพลัดและเปลี่ยนผู้ปกครอง(ด้วยระบบประชาธิปไตย) , การเลือกตั้ง , การประท้วง ทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่เป็นแนวความคิดของพวกอเมริกาแทบทั้งสิ้น พวกเขานี่แหละคือส่วนหนึ่งของพวกรับใช้อเมริกา และพวกเขานี่แหละเป็นคนโปรโมทแนวความคิดอเมริกา

ที่มา : http://www.rabee.net/ar/questions.php?cat=31&id=330