การถามถึงปราชญ์ที่เขารักเเละเกลียด ถือเป็นมันฮัจญ์หนึ่ง

การถามถึงปราชญ์ที่เขารักเเละเกลียด ถือเป็นมันฮัจญ์หนึ่ง
โดย อบูคอดียะฮ์ อับดุลาฮีด จากมักตะบะฮ์สะละฟียะฮ์
แปลโดย อบูจัสมิน [ 29 มกราคม 2564 ]

ท่านอิหม่ามอบูอุษมาน อิสมาอีล อัซซอบูนี -ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮ์- (เสียชีวิตปี ฮ.ศ.449) กล่าวว่า :

"สัญลักษณ์หนึ่งของชาวสุนนะฮ์คือการที่เขารักชาวสุนนะฮ์และปวงปราชญ์  รวมทั้งผู้ที่เห็นด้วยเเละช่วยเหลือพวกเขา เช่นเดียวกัน พวกเขาจะเกลียดชังต่อหัวโจกอะลุลบิดอะฮ์ บรรดานักเชิญชวนสู่ขุมนรกทั้งหลาย"1 

เมื่อมีบิดอะฮ์เกิดขึ้นอย่างเเพร่หลาย เเละจำนวนผู้ที่ยึดเเนวทางสุนนะฮ์น้อยลง เเละพวกบิดอะฮ์ทั้งหลายต่างก็อ้างว่าตัวเองนั้นยืนหยัดบนสัจธรรมเเละปิดบังความหลงผิดใว้ ดังนั้น ชาวสุนนะฮ์ พวกเขาจะสอบถามถึงคนที่มีความคลุมเครือ น่าสงสัย ในมันฮัจญ์

ท่านซุฟยาน อัษเษารีย์ -ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮ์- (เสียชีวิตปี ฮ.ศ. 164) กล่าวว่า

"จงทดสอบชาวเมาซิล(หรือโมซิลในอิรัค) ด้วยกับท่านมุอาฟา อิบนุอิมรอน"2

ท่านอับดุ้รรอฮ์มาน อิบนุ มะฮ์ดี -ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮ์- กล่าวว่า

"(จงทดสอบ)ชาวบัศเราะฮ์ ด้วยกับท่านอิบนุเอาวน์, หากท่านเจอพบผู้ที่รักเขา ก็จงอยู่ร่วมกับเขาโดยไร้กังวล ส่วนชาวเมืองกุฟาฮ์(ก็จงทดสอบพวกเขา)ด้วยกับท่านมาลิก อิบนุ มิควาล และท่านซาอิดะฮ์ อิบนุ กุดามะฮ์ หากท่านพบผู้ที่รักเขา ก็จงมีความหวังในความดีงามของเขา ส่วนชาวเมืองชาม (ซีเรีย,จอเเดน,เเละใกล้เคียง) (จงทดสอบพวกเขา)ด้วยกับท่านอัลเอาซาอีย์(เสียชีวิตปี ฮ.ศ. 157)และท่านอบูอิสหาก อั้ลฟารอซีย์.ส่วนชาวเมืองฮีย้าซ(จงทดสอบพวกเขา)ด้วยกับท่านมาลิก อิบนุ อนัส(เสียชีวิตปี ฮ.ศ.179)"3

ท่านอะหมัด อิบนุอับดุลลอฮ์ อิบนุยูนุส -ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮ์- กล่าวว่า

"จงทดสอบชาวเมืองมาวซิล ด้วยกับท่านมุอาฟะฮ์ อิบนุ อิมรอน หากเขารักท่าน เเสดงว่าผู้นั้นเป็นชาวอะฮ์ลุซสุนนะฮ์ เเต่ถ้าหากเขาเกลียดชังท่าน เเสดงว่าผู้นั้นเป็นพวกอะลุ้ลบิดอะฮ์ ส่วนชาวเมืองกุฟะฮ์ ก็ให้ทดสอบด้วยกับท่านยะฮ์ยา"4

ท่านอิบนุ มะฮ์ดี-รอฮิมะฮุ้ลลลอฺ- กล่าวว่า

"หากท่านพบชาวเมืองบัศเราะฮ์ผู้ใดรักท่านฮาม้าด อิบนุ ซัยด์ ก็เเสดงว่าเขาเป็นชาวสุนนะฮ์"5

ท่านกุตัยบะฮ์ อิบนุ ซาอี้ด-ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮ์- กล่าวว่า

"หากท่านพบว่าผู้ใดรักชาวอะฮ์ลุ้ลหะดีษ เช่น ท่านยะฮ์ยา อิบนุ ซาอี้ด, ท่านอับดุ้รรอฮ์มาน อิบนุ มะฮ์ดี, ท่านอะหมัด อิบนุ ฮัมบัล, ท่านอิสห้าก อิบนุ รอฮาวัย, นั่นหมายความว่าเขาเป็นชาวสุนนะฮ์ ส่วนผู้ที่ขัดเเย้งกับพวกเขา ก็จงรู้ว่าเขาคือมุ้บตาดิอฺ(พวกบิดอะฮ์)"6

จากหนังสือ, Lammud-Durr al-Manthoor min al-Qawlil-Ma’thoor, ของท่านญะมาล อั้ลฮาริซีย์

และในยุคนี้ เราขอกล่าวว่า “หากท่านพบว่าคนใดที่รักเชคบินบาซ,เชคอั้ลอัลบานีย์,เชคอิบนุอุซัยมีน,ซึ่งเป็นปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่เเห่งยุค-รอฮิมะฮุมุลลอฮ์-หรือเชคซอลิหฺอัลเฟาซาน,เชคอะหฺหมัด อันนัจมีย์-ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮ์-,เชคร่อเบียะอฺ อิบนุ ฮาดีย์,เชคมุฮัมหมัด อามาน อั้ลญามีย์ -ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮ์-,เชคมุกบิล บินฮาดีย์-ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮ์-,เชคซัยดฺ อัลมัดคอลีย์,เชคอุบัยดฺ อัลจาบิรีย์, เชคอับดุลลอฮ์ อัลบุคคอรีย์ และท่านอื่นๆ เฉกเช่นพวกเขา ก็พึงรู้เถิดว่า เขาผู้นั้นคือชาวสุนนะฮ์ เพราะการรักพวกเขา ถือเป็นสัญลักษณ์ของชาวสุนนะฮ์ เเละการเกลียดชังต่อพวกเขา ก็ถือเป็นสัญลักษณ์ของพวกบิดอะฮ์7

อ้างอิง

  1. Aqeedatus-Salaf As-haab al-Hadeeth (171) ↩︎
  2. Tahdheeb al-Kamaal (28/153), Siyar (9/82), at-Tahdheeb (10/181) ↩︎
  3. al-Laalikaa’ee (41), Tareekh Dimashq (7/128) ↩︎
  4. al-Laalikaa’ee (58) ↩︎
  5. al-Jarh wat-Ta`deel of Ibn Abee Haatim (1/183), al-Laalikaa’ee (38) ↩︎
  6. al-Laalikaa’ee (59), Sharaf As-haab al-Hadeeth (143) ↩︎
  7. ดู Sharh ‘Aqeedat us-Salaf As-haab al-Hadeeth, (p.347) เชคร่อเบียะอฺอนุญาตให้ใช้การอธิบายเพิ่มเติมดังกล่าว ↩︎