ชีอะห์รอฟิเฎาะห์ – และหลักความเชื่อที่ปรากฏในหนังสือของพวกเขา
เขียนโดยอบูคอดียะฮ์ จากมักตะบะฮ์สะละฟียะฮ์
เเปลโดย อบูจัสมิน (13 พฤษภาคม 2566)
การสรรเสริญทั้งมวลเป็นกรรมสิทธิ์ของอัลลอฮ์ พระผู้อภิบาลเเห่งสากลโลก ขอให้พรความสันติ จากอัลลอฮ์จงประเเก่บรรดานบี เเละศาสนทูตทุกท่าน ,ท่านนบีมูฮัมหมัด ศ้อลลัลลอฮุอาลัยฮิวะซัลลัม เเละบรรดาวงศคณาญาติ รวมไปถึงสาวกของท่าน ตลอดจนบรรดาผู้ที่ยึดมั่นบนเเนวทางของพวกเขาอย่างเเน่วเเน่ มั่นคง ตราบจนวันกิยามะห์
ความชั่วร้ายที่สุดที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน กลุ่มที่เข้ามาทำลายหลักศรัทธาเเละเป็นภัยต่อศาสนาอิสลาม นั่นก็คือฟิตนะฮ์จากพวกรอฟิเฎาะฮ์ “อิหม่ามสิบสอง” – โดยพวกนี้สร้างภาพเเนวทางมดเท็จของพวกเขาให้ดูราวกับว่าเป็นศาสนาอิสลามที่เเท้จริงเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น ซึ่งกลลวงดังกล่าวนี้ ทำให้ผู้ที่ยึดมั่นในเเนวทางสุนนะฮ์บางคน มีความสับสน จนเรียกร้องผู้คนให้สร้างความใกล้ชิดสนิทสนมและร่วมมือกับพวกชีอะห์ โดยอ้างว่าความเเตกต่างระหว่างชาวสุนนะฮ์เเละพวกรอฟิเฎาะห์หรืออิสนาอาชาริยะฮ์ (ชีอะห์อิหม่ามสิบสอง) เป็นเพียงความเห็นต่างเล็กๆน้อยๆ ในเรื่องปลีกย่อยทางศาสนา มิได้เกี่ยวข้องกับรากฐานของอิสลาม ซึ่งเกิดจากความหลงผิด,ความไม่รู้ เเละความมั่นใจของพวกเขา
จริงๆเเล้ว ระหว่างอะลุสสุนนะฮ์กับชีอะห์รอฟิเฎาะห์นั้น มีความเเตกต่างกันในเรื่องหลักศรัทธาเเละอะกีดะฮ์ ความเชื่อของพวกรอฟิเฎาะห์ เป็นความเชื่อที่ทำให้หลุดออกจากอิสลาม พวกเขามีความเชื่อที่เป็นชิริกเเละกุฟุ้รชัดเจน ทำให้คนหนึ่งหลุดออกจากศาสนาอิสลาม นอกจากนี้พวกเขายังมีความเกลียดชังเเละเป็นปฏิปกษ์อย่างรุนเเรงต่อมุสลิมผู้ยึดเเนวทางสุนนะฮ์ จนนำไปสู่การสังหารชาวสุนนะฮ์เเละยึดทรัพย์สินพวกเขา ตามที่ปรากฏในประวัติศาสตร์ ตั้งเเต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เเละคำสอนสอนต่างๆ ของพวกเขาถูกบันทึกใว้อย่างชัดเจน ในหนังสือของพวกเขาเอง
น่าเสียดายที่ผู้คนมากมาย ที่รักในอัลกุรอานเเละสุนนะฮ์ และหวังในสิ่งที่ดีงาม กลับไม่ทราบถึงภยันตรายในความเชื่อเเละหลักปฏิบัติของพวกชีอะห์์นอกรีต เช่นที่พวกเขาเป็นปฏิปักษ์ต่อชาวสุนนะฮ์ ส่วนหนึ่งก็เนื่องมาจากบรรดาหัวหน้ากลุ่มชีอะห์ มิได้นำคำสอนพื้นฐานของพวกเขาออกมาเปิดเผยอย่างเเพร่หลาย
เพิ่มเติม : กลุ่มชีอะห์ เป็นกลุ่มหนึ่งที่เเตกออกจากอิสลาม เกิดขึ้นมาหลังจากที่ท่านนบีมุฮัมหมัด -ศ้อลลัลลอฮุอาลัยฮิวะซัลลัม-เสียชีวิต พวกเขาอ้างว่าหลานของท่านนบี คือ ท่านอะลีย์ บิน อบีตอลิบ-รอฏิยันลอฮุอันฮุ-มีความเหมาะสมที่สุดในการขึ้นเป็นคอลีฟะฮ์ท่านเเรก ส่วนคำว่า ชีอะห์ เป็นคำย่อของคำว่า “ชีอัต อะลีย์” (ฝ่ายของท่านอะลีย์) พวกเขาเชื่อว่า อำนาจการปกครองจะต้องอยู่ในครอบครัวเเละเชื้อสายของท่าน อะลีย์ -รอฏิยันลอฮุอันฮู-เท่านั้น
ชีอะห์ กลุ่มใหญ่ที่สุดเเละขัดเเย้งกับชาวสุนนีย์มากที่สุด คือ กลุ่มชีอะห์ “อิสนา อัชารียะฮ์” หรือ “ชีอะห์อิหม่ามสิบสอง” ที่ถูกต้องควรจะเรียกว่า “รอฟิเฎาะห์” (พวกปฏิเสธ) เนื่องจากพวกเขาปฏิเสธคอลีฟะฮ์ สองท่านเเรก คือ ท่านอบูบักรเเละท่านอุมัร-ร่อฎิยันลอฮุอันฮุมา-รวมทั้งศอฮาบะฮ์ท่านอื่นๆ ของท่านนบี -ศ้อลัลลอฮุอาลัยฮิวะซัลลัม
ดังนั้น ในที่นี้เราจะขอหยิบยกตัวอย่างความเชื่อ และความผิดเพี้ยนเกี่ยวกับหลักศรัทธา จากบางส่วนของพวกชีอะห์ ที่มีบันทึกในหนังสือของพวกเขา
1.ความเชื่อของชีอะห์ในเรื่องอิหม่ามสิบสอง
ผู้รู้ชีอะห์ที่พวกเขานับถือมากที่สุดคนหนึ่ง ชื่อว่า อัลกุลัยนีย์ เขียนในหนังสือ อุศูลลุลกะฟีย์ (1/258-260) ความว่า :
“บรรดาอิมามนั้นถ้าต้องการจะรู้สิ่งใดก็สามารถหยั่งรู้สิ่งในสิ่งนั้น-และแท้จริงพวกเขาจะรู้ว่าเมื่อใดพวกเขาจะเสียชีวิต และพวกเขาจะไม่ตายนอกเสียจากด้วยความต้องการของพวกเขาเอง“
หนังสือของอัลกุลัยนีย์ เล่มนี้ เป็นเเหล่งอ้างอิงที่มีความน่าเชื่อมากที่สุดสำหรับพวกชีอะห์ เช่นที่ชาวสุนนะฮ์ให้ความเชื่อถือต่อหนังสือศอฮิห์อัลบุคคอรีย์ ส่วนชีอะห์ให้การนับถืออิหม่ามของพวกเขา บูชาพวกเขาราวกับบูชาอัลลอฮ์ ผู้รู้ของพวกเขาคนหนึ่ง ชื่อว่า ฮาชิม อัลบาห์เรนนีย์ เขียนในหนังสือ ยานาบีอุลมาอาญิซ วัลอุศูลุดดาลาอีล (บทที่ 5 หน้า 35-36) เกี่ยวกับอิหม่ามสิบสองของชีอะห์ ว่า :
“พวกเขารู้ทุกสิ่งที่อยู่ในชั้นฟ้าเเละเเผ่นดิน พวกเขามีความหยั่งรู้ในอดีต เเละรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคต เเละพวกเขารู้ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งในกลางวันเเละกลางคืน สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอีกหนึ่งชั่วโมง เเละในชั่วโมงถัดไป เเละพวกเขามีความรู้ของบรรดานบี หรือมีมากกกว่านั้น”
หนึ่งในเชคคนสำคัญของพวกเขาชื่อว่า อับดุลมุฮ์ซิน อัลอามินีย์ อันนาญาฟี เขียนในหนังสือ อัลฆอดิร (1/214-216) ความว่า:
“เเท้จริงอิหม่าม(สิบสอง) คือ บุตรของอัลลอฮ์ เเละมาจากลูกหลานของอะลีย์”
เเละยังมีปรากฏในบันทึกเเละบรรยายของพวกเขาว่า :
“อันที่จริง มะฮ์ดี อัลมุนดะซีร (ผู้นำที่รอคอย) เข้าไปในโพรงใต้ดิน ขณะที่เขาอายุเพียงห้าปี และเขารู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในทุกอณูของจักรวาล!”
2.ความเชื่อของชีอะห์ในเรื่องอัลกุรอาน
พวกรอฟิเฎาะฮ์อ้างว่า อัลกุรอานของชาวสุนนะฮ์ มิใช่เล่มที่ถูกประทานเเก่ท่านนบีมุฮัมหมัด-ศ้อลลัลลอฮุอาลัยฮิวะซัลลัม-พวกเขาอ้างว่ามันได้ถูกเปลี่ยนเเปลง เเก้ไข เพิ่มเติม เเละบิดเบือนไปจากของเดิม มีบันทึกชัดเจนจากผู้รู้ของพวกเขาชื่อว่า อันนูรี อัตตอบริซี(เสียชีวิตปี ฮ.ศ.1320) ในหนังสือฟัรซุลกีต้าบ ฟิ อิตบ้าต ตะห์ริฟิ กิตาบิลอัรบ้าบ
อัลกุลัยนีย์ เขียนใน อุศู้ลอัลกะฟีย์ (2/242) ว่า อัลกุรอานที่ถูกประทานลงมาผ่านญิบรี้ลถึงท่านนบีมุฮัมหมัด-ศ้อลลัลลอฮุอาลัยฮิวะซัลลัม-ที่จริงเเล้วมีเจ็ดพันอายะฮ์ นั่นหมายความว่า อัลกุรอานที่พวกรอฟิเฎาะห์อ้างนั้นมีวะฮีย์มากกว่าอัลกุรอานที่มีอยู่ในปัจจุบัน เพราะเรามีอัลกุรอานอยู่ไมถึงเจ็ดพันอายะฮ์ อัลลอฮ์เป็นผู้สัญญาว่าจะรักษามันใว้
“แท้จริงเราได้ให้ข้อตักเตือน (อัลกุรอาน) ลงมา และแท้จริงเราเป็นผู้รักษามันอย่างแน่นอน” (อัลฮิจรฺ 15:9)
เเม้กระทั่งการอธิบายอัลกุรอานของพวกเขา ก็เต็มไปด้วยความหลงผิด พวกเขาอธิบายด้วยตามอารมณ์ เเละเเนวคิดที่หลงผิด ผู้รู้ของพวกเขา ได้อธิบายดำรัสของอัลลอฮ์ ในตัฟซีร อัสสะฟี ของเขา ในอายะฮ์
إِنَّ اللَّهَ لَا يَغْفِرُ أَن يُشْرَكَ بِهِ “แท้จริงอัลลอฮ์ จะไม่ทรงอภัยโทษให้แก่การที่สิ่งหนึ่งจะถูกให้มีภาคี ขึ้นแก่พระองค์”
อัสสะฟี อธิบายว่า “หมายถึง : พระองค์ไม่อภัยโทษผู้ที่ปฏิเสธในสิทธิของอะลีย์ รอฎียันลอฮุอันฮุ (ในการเป็นคอลีฟะฮ์ท่านเเรก เเละท่านเดียว)” เเละดำรัสของพระองค์ที่ว่า
وَيَغْفِرُ مَا دُونَ ذَٰلِكَ لِمَن يَشَاءُ ‘และพระองค์ทรงอภัยให้แก่สิ่งอื่นจากนั้นสำหรับผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์.
หมายถึง : ผู้ที่ให้สัตยาบรรณต่อท่านอะลีย์ (ให้เป็นคอลีฟะฮ์ท่านเเรก)”
อีกตัวอย่างในการบิดเบือนความหมายในดำรัสของอัลลอฮ์ ให้สอดคล้องกับเจตนาของพวกเขา
ในดำรัสของอัลลอฮ์ที่ว่า
وَلَقَدْ أُوحِيَ إِلَيْكَ وَإِلَى الَّذِينَ مِن قَبْلِكَ لَئِنْ أَشْرَكْتَ لَيَحْبَطَنَّ عَمَلُكَ وَلَتَكُونَنَّ مِنَ الْخَاسِرِينَ “และโดยแน่นอน ได้มีวะฮียฺมายังเจ้า (มุฮัมมัด) และมายังบรรดานะบีก่อนหน้าเจ้า หากเจ้าตั้งภาคี (กับอัลลอฮ์) แน่นอนการงานของเจ้าก็จะไร้ผล และแน่นอนเจ้าจะอยู่ในหมู่ผู้ขาดทุน” (อัซซุมัร 39:65)
พวกชีอะห์ อธิบายว่า “หากท่านนำสัตยาบรรณของท่านที่ให้กับท่านอะลีย์ ไปมีภาคีร่วมกับผู้ใดก็ตาม เเน่นอนการงานทั้งหลายของท่านก็จะไร้ผล เเละเเน่นอนท่านอยู่ในหมู่ผู้ขาดทุน” (ตัฟซี้ร อัสสะฟี 1/156,361,ตัฟซี้ร นู้รอัซซะกอลัยน์ 1/151,488)
เเละในดำรัสของอัลลอฮ์ ที่ว่า
يُؤْمِنُونَ بِالْجِبْتِ وَالطَّاغُوتِ “ โดยที่พวกเขาศรัทธาต่ออัลญิบติ และอัฏ-ฏอฆูต” (อันนิสาอฺ 4:51)
ในตัฟซี้รของพวกเขาอธิบายว่า “(ฏอฆูต)หมายถึงอบูบัร เเละอุมั้ร” (ดู ฟูรูอัลกะฟี ในมิร้อต อัลอุกุล 4/416)
3. ความเชื่อของชีอะห์ในเรื่องศอฮาบะฮของท่านนบี-ศ้อลลัลอฮุอาลัยฮิวะซัลลัม-เเละภรรยาของท่าน
ความเชื่อของกลุ่มรอวาฟิด ตั้งอยู่บนพื้นฐานของการใส่ร้าย ด่าทอบรรดาศอฮาบะฮ์-รอฎิยันลอฮุอันฮุม-พวกเขาตัดสินว่า ศอฮาบะฮ์ ทั้งหมดตกมุรตัด(เป็นกาฟิร)เหลือเพียงสามคนเท่านั้น (หรืออีกไม่กี่คน) อัลกุลัยนีย์ ได้เขียนในหนังสืออัลกาฟี ซึ่งเป็นเเหล่งอ้างอิงที่พวกเขายึดถือ ความว่า
“ผู้คนหลังการเสียชีวิตของท่านรสูล-ศ้อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม-ล้วนตกศาสนา(มุรตัด) ยกเว้นสามคนเท่านั้น ฉันถามเขาว่า สามคนนั้นคือใคร ญะฟัรตอบว่า สามคนนั้น คือ อัล มิกดาด บิน อัล อัสวัด, อบู ซัร อัล ฆิฟารีย์ และสัลมาน อัล ฟาริซีย์”
(ริญาล อัลกัชชี น.6,อัลกาฟี กีตาบ อัรเราดะฮ์,12/312,322,ด้วยคำอธิบายของมาซันดารอนี)
ในหนังสือมิฟตะฮ์ อัลญินาน ของอับบาส อัลกุมมี มีดุอาอฺบทหนึ่งของผู้รู้ชีอะห์ ที่สาบเเช่งท่านอบูบักร เเละท่านอุมัร รวมทั้งลูกสาวของท่านทั้งสอง ท่านหญิงอาอีฉะฮ์เเละฮัฟเสาะฮ์ ทั้งสองเป็นภรรยาของท่านบีมุฮัมหมัด-ศ้อลลัลอฮุอาลัยฮิวะซัลลัม-พวกเขาถือว่าเป็นดุอาอฺที่ต้องอ่านทั้งในยามเช้าเเละยามเย็น ดุอาอฺบทนนี้ คือ
“พรอันประเสริฐและความสันติสุขจากอัลลอฮ์จงมีแด่ท่านนบีมุหัมมัดและวงศ์วานของท่าน และการสาปแช่งจงมีแด่สองเจว็ดแห่งเผ่ากุเร็ช ผู้เป็นพ่อมดและมารร้าย และบุตรสาวของเขาทั้งสอง ผู้ฝ่าฝืนคำสั่งของท่าน…” (ริยาล อัลกัชชี หน้า 114)
พวกเขาเปรียบเทียบท่านอบูบักร เเละท่านอุมัรว่าเหมือนกับ “ฟาโรหฺ เเละฮามาน” (ดู กุรอตุลอัยน์ ของอัลกาชานี น.432-433), เเละเป็น “สองเจว็ด..”(ตัฟซี้ร อัลอายะซีย์,2/116,บิห้าร อัลอันว้าร น.58,67) เเละเป็น “อัลลาต และอัลอุซซา” (อิกมาล อัดดีน ของอิบนุ บาบาวาอี อัลกุมมี น.246,มุก้อดดิมัต อุลบุ้รฮาน ของอับดุลฮาซาน อัลอะมาลี น.294).
ผู้รู้ชีอะห์ ดูหมิ่น จาบจ้วงบรรดาศอฮาบะฮ์ อย่างตรงไปตรงมา คำพูดของพวกเขามีความชัดเจน พวกเขากล่าวว่า “อิหม่ามะฮ์ดีย์ จะทำให้อาบูบักรและอุมัรมีชีวิตขึ้นมาใหม่ เเละจะนำพวกเขาไปเเขวนบนก้านของต้นอินทผาลัม และเขาจะฆ่าพวกเขาซ้ำไปซ้ำมา วันละพันครั้ง”(ดู อิก้อด มิน อัลฮุจญะฮ์ บิ ตัฟซีร อัลบุ้รฮาน อะลารุจญะ ของฮู้ร อัลอะมาลี หน้า 287)
4. ความเชื่อของชีอะห์เกี่ยวกับชาวสุนนะฮ์
ชีอะห์รอฟิเฎาะห์ มีหลักคำสอนว่า ทรัพย์สินของชาวสุนนะฮ์ เป็นที่อนุมัติ สามารถยึดได้ เเละชีวิตของพวกเขาก็เป็นที่อนุมัติ สามารถฆ่าได้ ปรากฏอยู่ในหนังสือ อัล-อันวาร อันนุมานีนะฮ์ ของอัลญะซาอิรี (2/206-207) ความว่า
“พวกอะฮ์ลุซสุนนะฮ์เป็นพวกมีมลทิน เเละเป็นกาฟิรที่โสโครก ตามมติเอกฉันท์ของปวงปราชญ์ชีอะห์ เเละชั่วร้ายยิ่งกว่ายิวเเละคริสเตียน”
ในหนังสือบางเล่มกล่าวว่า อนุญาตให้ฆ่าชาวสุนนะฮ์ได้ เพราะถือว่าเป็นพวกนาซิบีย์ เพราะพวกเขามีความเชื่อ(ที่เป็นเท็จ)ว่าชาวสุนนีย์ เกลียดชังท่านอะลีย์ บิน อะบี ฏอลิบ-รอฎิยันลอฮุอันฮุ-
พวกเขากล่าวว่า ชาวสุนนีย์ สามารถฆ่าได้ด้วยการทำให้จมน้ำ หรือให้กำเเพงทับ หรือวิธีการฆ่าอำพรางเเบบใดก็ได้ ที่ทำให้ชีอะห์ผู้สังหารรายนั้น ไม่ถูกจับได้”
เจตนาที่ชั่วร้ายของพวกชีอะห์เหล่านี้ อยู่ในหนังสือของพวกเขาเอง ดู ริยาลอัลกัซซี หน้า 529 ตะฮ์รีบ อัล อะห์กาม หน้า 1/384 วาซาอีล อัชชีอะห์ หน้า 6/340
5. พวกชีอะห์รอฟิเฎาะห์ เชื่อว่าพระเจ้าที่พวกเขานับถือ ไม่ใช่พระเจ้าองค์เดียวกับอะลุสสุนนะฮ์
หัวหน้าผู้รู้ของชีอะห์คนหนึ่ง ชื่อว่า นิมาตุลลาห์ อัลญาซาริอีย์ เขียนในหนังสือ อัลอันว้าร อันนุมานียะฮ์ (2/278-279) ความว่า :
“เราจะไม่เป็นหนึ่งเดียวกับพวกเขา(ชาวสุนนะฮ์) ในเรื่องพระเจ้าที่เรายึดถือ หรือในเรื่องนบี เเม้เเต่เรื่องอิหม่าม – นั่นก็เพราะว่าพวกเขา(ชาวสุนนะฮ์) กล่าวว่า พระเจ้าของพวกเขาคือผู้ทรงเป็นพระเจ้าของมุฮัมหมัด เเละศอฮาบะฮ์ของเขาคืออบูบักร เเละเราไม่รู้จักพระเจ้าผู้นี้ หรือนบีคนนี้ เเต่ทว่า เราจะกล่าวว่า “เเท้จริง พระเจ้าผู้ทรงแต่งตั้งอบูบักรเป็นคอลีฟะฮ์ของท่านนบีหาใช่พระเจ้าของเราไม่ และนบีผู้นี้ ก็มิใช่ศาสดาของเรา!”
ก็เป็นไปได้หากบางคนที่เรียกตัวเองว่าชีอะห์หรือญะฟารีย์หรืออิหม่ามสิบสอง อาจยังไม่ทราบถึงคำสอนที่ชั่วร้ายนี้อย่างเเท้จริง ดังนั้นจำเป็นอย่างยิ่ง สำหรับพวกเขาจะต้องตระหนักถึงคำสอนอันเป็นเท็จของกลุ่มชีอะห์นี้ เเละจะต้องถอนตัวออกมา เเละไม่ยึดถือคำสอนของชีอะห์อีกต่อไป เเท้ที่จริงคำสอนของศาสนา ใดศาสนาหนึ่งย่อมเป็นที่รู้ได้ด้วยเเหล่งที่มาของมัน มิใช่ด้วยผู้ยึดถือเเนวทางนั้นโดยมิได้ศึกษาอย่างถ่องเเท้ ซึ่งเราได้หยิบยกคำสอนของชีอะห์ จากหนังสือที่เป็นเเหล่งอ้างอิงของกลุ่มนี้ ซึ่งไม่สามารถปฏิเสธได้
ขออัลลอฮ์ทรงปกป้องอุมมะฮ์นี้ เเละมนุษย์ทั้งหลายจากความเชื่อที่ชั่วร้ายของพวก(ศาสนา)ชีอะห์ อามีน
เเละการสรรเสริญทั้งมวลเป็นกรรมสิทธิ์ของอัลลอฮ์เพียงพระองค์เท่าน้ัน พระผู้เป็นเจ้าเเห่งสากลโลก
เเละ ขอให้พรความสันติ จากอัลลอฮ์จงประเเก่บรรดานบี เเละศาสนทูตทุกท่าน ,ท่านนบีมูฮัมหมัด ศ้อลลัลลอฮุอาลัยฮิวะซัลลัม เเละบรรดาวงศคณาญาติ รวมไปถึงสาวกของท่าน ตลอดจนบรรดาผู้ที่ยึดมั่นบนเเนวทางของพวกเขาอย่างเเน่วเเน่มั่นคง อามีน